เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวานนี้ (14 มีนาคม) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากการพูดคุยกับผู้บริหารระดับสูงขององค์การอาหารและยาซาอุดีอาระเบีย (SFDA) ซาอุดีอาระเบียจะอนุญาตให้นำเข้าสัตว์ปีกจากโรงงาน 11 แห่งในประเทศไทย โดยให้มีผลทันที หลังจากห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกจากประเทศไทยตั้งแต่ปี 2548 หรือ 17 ปี
โรงงาน 11 แห่งที่ซาอุดีอาระเบียอนุญาตให้นำเข้าไก่ได้ประกอบด้วยโรงงาน 6 แห่งจากบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF) และโรงงานบริษัทละ 1 แห่งจากบริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) (GFPT), บริษัท บางกอกแร้นช์ จำกัด (มหาชน) (BR), บริษัท สกายฟู้ด จำกัด, บริษัท ไก่สดเซนทาโก จำกัด และบริษัท ซันฟู้ด อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
ปัจจุบันซาอุดีอาระเบียนำเข้าสัตว์ปีกปีละ 590,000 ตัน โดยนำเข้าจากบราซิล 70% อีก 30% นำเข้าจากยูเครนและฝรั่งเศส ประเทศไทยส่งออกสัตว์ปีก 912,000 ตันไปทั่วโลกในปี 2564 โดยมีมูลค่าการส่งออกไก่แช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูปรวม 1.02 แสนล้านบาท
สำหรับการยกเลิกคำสั่งห้ามนำเข้าสัตว์ปีกในครั้งนี้จะส่งผลบวกโดยตรงเล็กน้อยต่ออุตสาหกรรมไก่เนื้อไทยผ่านทางการได้ตลาดส่งออกกลับคืนมา 1 แห่ง ทั้งนี้ในปี 2531-2545 ซาอุดีอาระเบียเป็นตลาดส่งออกไก่เนื้อไทยอันดับที่ 11-19 เมื่อพิจารณาจากมูลค่าการส่งออก โดยคิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 0.5% ของมูลค่าการส่งออกไก่เนื้อไทย อ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ ขณะที่ผลทางอ้อมจะส่งผลบวกต่อราคาไก่เนื้อในประเทศจากความต้องการส่งออกที่เพิ่มขึ้น ความต้องการฟื้นตัว และราคาสุกรในประเทศสูง (ผลิตภัณฑ์ทดแทน)
ในเดือนมกราคม 2565 มูลค่าการส่งออกไก่เนื้อไทยเติบโต 25%YoY โดยได้แรงหนุนจากมูลค่าการส่งออก (เพิ่มขึ้น 5%YoY) และราคาส่งออก (เพิ่มขึ้น 19%YoY ในรูปเงินบาท) ที่ดีขึ้น ปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้นได้รับการสนับสนุนจากการเติบโตในตลาดส่งออก 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น (เพิ่มขึ้น 20%YoY), สหราชอาณาจักร (เพิ่มขึ้น 53%YoY), เนเธอร์แลนด์ (เพิ่มขึ้น 39%YoY), มาเลเซีย (เพิ่มขึ้น 100%YoY) และเกาหลีใต้ (เพิ่มขึ้น 16%YoY)
หากตัดผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนออกไป พบว่าราคาส่งออกไก่เนื้อไทยในรูปดอลลาร์สหรัฐเติบโต 7%YoY โดยเพิ่มขึ้น YoY เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการปรับราคาส่งออกใน 1Q65TD ราคาไก่เนื้อในประเทศแข็งแกร่งที่ระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี ที่ 39 บาทต่อกิโลกรัม (เพิ่มขึ้น 21%YoY และ 10%QoQ)
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (15 มีนาคม) ณ เวลา 12.30 น. ราคาหุ้น CPF ปรับเพิ่มขึ้น 1.67%DoD สู่ระดับ 24.30 บาท ราคาหุ้น GFPT ปรับลดลง 0.78%DoD อยู่ที่ระดับ 12.70 บาท และราคาหุ้น TU ปรับลดลง 1.06%DoD อยู่ที่ระดับ 18.70 บาท
มุมมองต่อผู้ประกอบการ:
SCBS มองว่าการยกเลิกคำสั่งห้ามนำเข้าสัตว์ปีกจากไทยของซาอุดีอาระเบียจะส่งผลกระทบโดยตรงเล็กน้อยต่อ CPF และ GFPT ในปี 2565 ซึ่งบริษัทคาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อยราว 2-3 เดือนในการเจรจาและดำเนินการตามคำสั่งซื้อของลูกค้ารายใหม่จากซาอุดีอาระเบีย นอกจากนี้บริษัทยังจะต้องใช้เวลาในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้ารายใหม่เหล่านี้ (ส่วนใหญ่สั่งซื้อไก่แช่แข็ง) ท่ามกลางความต้องการส่งออกที่ฟื้นตัวดีขึ้นในตลาดส่งออกที่สำคัญอื่นๆ ดังนั้นจึงคาดว่าปริมาณการส่งออกในปีแรกที่กลับมาส่งออกไปยังซาอุดีอาระเบียจะมีสัดส่วนน้อยมาก
อย่างไรก็ดี SCBS ยังมอง CPF และ GFPT เป็นหุ้นเด่น ด้วยมาร์จิ้นสัตว์บกที่ดีขึ้น YoY (ราคาสัตว์บกเพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วกว่าต้นทุนอาหารสัตว์) และคาดว่าผลประกอบการปี 2565 จะฟื้นตัวดีขึ้น นำโดย GFPT ใน 1H65 ได้แรงหนุนจากกำลังการผลิตใหม่ และ CPF ใน 2H65 ได้แรงหนุนจากการดำเนินงานต่างประเทศและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ดีขึ้น
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP
