บรรยากาศหน้าร้านทองคึกคัก หลังจากราคาทองคำในประเทศทำนิวไฮต่อเนื่อง ล่าสุดทองคำแท่ง ราคาขายออกปรับขึ้นมาอยู่ที่ 32,000 บาทต่อบาททองคำ ‘ฮั่วเซ่งเฮง’ เผยยอดซื้อและขายทองคำเพิ่มขึ้นอย่างมาก ผู้ลงทุนหวั่นราคาน้ำมันพุ่งกระทบต่อเงินเฟ้อและการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed จึงตุนทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง ขณะที่ออโรร่าเผยมูลค่าซื้อขายเพิ่มขึ้น 3-4 เท่าในช่วง 5 วันทำการ
ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ฮั่วเซ่งเฮง กล่าวว่า จากสถานการณ์ราคาทองคำที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้หน้าร้านค้าทั่วประเทศของกลุ่มฮั่วเซ่งเฮงมีลูกค้ามาซื้อและขายเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยสถานการณ์ล่าสุด ราคาทองคำ Spot ทำระดับสูงสุดอีกครั้งที่ 2,069 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เช่นเดียวกับราคาทองคำในประเทศ ที่ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใหม่ โดยราคาทองคำแท่งขายออกอยู่ที่ 32,000 บาทต่อบาททองคำ
‘ฮั่วเซ่งเฮง’ เตรียมสภาพคล่องรองรับลูกค้า
ทั้งนี้ กลุ่มฮั่วเซ่งเฮงได้ประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา โดยได้สำรองเงินสดและทองคำไว้รองรับความต้องการลูกค้าอย่างเพียงพอ ซึ่งตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน พบว่ามีความต้องการขายทองคำจากลูกค้าที่ต้องการเพิ่มสภาพคล่อง และมองจังหวะที่ราคาไต่ระดับขึ้นสูงเป็นโอกาสขายทำกำไร
ขณะเดียวกัน ก็มีลูกค้าที่เข้าซื้อทองคำเพิ่ม เนื่องจากเชื่อว่าราคาทองคำจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง อีกทั้งภาวะสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนยังทำให้ผู้ลงทุนมองหาสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงเพิ่ม ซึ่งทองคำเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจได้ดี
“สถานการณ์คนมาขายทองคำเหมือนตอนที่โควิดระบาดช่วงแรกๆ ซึ่งมีทั้งขายเพื่อทำกำไรจากทิศทางราคาขาขึ้นและพร้อมเข้าลงทุนใหม่ และขายเพื่อเพิ่มกระแสเงินให้ตัวเอง ขณะเดียวกันก็มีฝั่งที่มาซื้อสะสมทองคำเพิ่ม เพราะเห็นความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนเป็นความเสี่ยงระยะยาว จึงเข้าสะสมสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่ม” ธนรัชต์กล่าว
มองแนวโน้มราคาทองคำขาขึ้น
ทั้งนี้ ฮั่วเซ่งเฮงประเมินว่า แนวโน้มราคาทองคำเป็นทิศทางขาขึ้นอีกระยะหนึ่ง จากความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการเงินมีเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่สหรัฐอเมริกางดการนำเข้าน้ำมันและก๊าซจากรัสเซีย ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น กระทบต่อเนื่องไปถึงเงินเฟ้อที่น่าจะเร่งตัว รวมถึงนโนบายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่น่าจะชะลอตัวลง
โดยในระยะสั้น แนะนำให้นักลงทุนที่ถือครองทองคำอยู่แล้วขายทำกำไรไปก่อน และทยอยเข้าลงทุนใหม่เมื่อราคาอ่อนตัว
ออโรร่าเผย วอลุ่มสะพัดเพิ่ม 3-4 เท่า
อนิพัทย์ ศรีรุ่งธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการตลาด (CMO) บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด กล่าวว่า บรรยากาศหน้าร้านของเครือออโรร่าค่อนข้างคึกคัก โดยมีลูกค้าเข้าซื้อสะสมทองคำแท่งและทองรูปพรรณเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับลูกค้าที่มาขายทองคำ โดยยอดรับซื้อทองคำหน้าร้านเพิ่มขึ้นราว 3-4 เท่าในช่วงสัปดาห์นี้ (5-9 มีนาคม)
ปัจจัยที่ทำให้ผู้ลงทุนและลูกค้าสนใจซื้อและขายทองคำเพิ่ม คือแนวโน้มราคาทองคำที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยประเมินเบื้องต้นว่าไตรมาส 1/65 มูลค่าซื้อขายทองคำของกลุ่มบริษัทน่าจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งสูงกว่ามูลค่าซื้อขายเฉลี่ยรายไตรมาสในอดีต
อนิพัทย์กล่าววา กลุ่มบริษัทได้เตรียมความพร้อมรองรับความต้องการลูกค้าทั้งฝั่งรับซื้อและฝั่งขาย อย่างไรก็ตาม ในส่วนของธุรกิจค้าปลีก (หน้าร้านทอง) หากลูกค้ามาขายทองคำในมูลค่าสูงมาก อาจจะล่าช้าด้านการโอนเงินสดไปราว 2-3 ชั่วโมง เนื่องจากฝั่งขาย (ธุรกิจเทรดดิ้ง) ยังมีข้อติดขัดเรื่องการส่งมอบทองคำแก่ลูกค้าต่างประเทศ เพราะโลจิสติกส์ยังมีปัญหาต่อเนื่องมาตั้งแต่สถานการณ์โควิดแพร่ระบาด
“สถานการณ์ตอนนี้หน้าร้านได้เตรียมสภาพคล่องไว้รองรับลูกค้าโดยตลอด ทั้งฝั่งซื้อและฝั่งขายจะสามารถได้รับเงินสดและได้รับทองคำภายในวันเดียว แต่ถ้าออร์เดอร์ที่มูลค่าสูงก็อาจจะมีความล่าช้าไปบ้าง เพราะการขนส่งยังไม่กลับมาเต็ม 100% แต่ประเมินสถานการณ์แห่ขายทองคำครั้งนี้เป็นบวกมากกว่าตอนที่โควิดแพร่ระบาดใหม่ๆ และคนแห่ขายทองคำ เพราะครั้งนั้นมีเวลาเตรียมตัวไม่มาก” อนิพัทย์กล่าว
เขากล่าวเพิ่มว่า แนวโน้มราคาทองคำยังเป็นขาขึ้น เพราะปัจจัยลบต่อเศรษฐกิจมีค่อนข้างมาก ทั้งอัตราเงินเฟ้อ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย การชะลอตัวทางเศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจ ขณะที่ภาวะสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ความกังวลทางเศรษฐกิจพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำจึงได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน
