เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวานนี้ (1 มีนาคม) บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) เปิดเผยเป้าหมายทางการเงินปี 2565 ในการประชุมนักวิเคราะห์ โดยสรุปได้ดังนี้
- ยอดขายสาขาเดิม (SSS) ตั้งเป้าเติบโตที่ระดับ 5-7%YoY (ตัวเลขเชิงรุกมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2557) หลักๆ เกิดจากฐานต่ำใน 3Q64 อันเป็นผลมาจากการล็อกดาวน์ และปริมาณการขายที่สูงขึ้นท่ามกลางราคาขายสินค้าที่ดีขึ้นเล็กน้อย (เพิ่มขึ้น 1%YoY โดยเฉลี่ยในปี 2564)
โดยบริษัทจะยังคงมุ่งเน้นเพิ่มความหลากหลายของสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน การทำอาหาร และความบันเทิงที่บ้าน เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค การพัฒนาระบบคลังสินค้าอัตโนมัติและจัดส่งสินค้าถึงมือผู้บริโภคโดยตรง และการวิเคราะห์ขั้นสูงเพื่อเพิ่มประสบการณ์การใช้บริการอีคอมเมิร์ซ
- ยอดขายออนไลน์ บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนยอดขายออนไลน์ต่อยอดขายทั้งหมดเป็น 7.5-8.0% ในปี 2565 โดยใช้ช่องทางการขายใหม่ๆ ผ่านทางมาร์เก็ตเพลส เช่น Shopee, Lazada และ One Stock Home (เว็บไซต์ที่จำหน่ายวัสดุก่อสร้าง เครื่องมือช่าง และอุปกรณ์ตกแต่ง)
- การขยายสาขา บริษัทประกาศแผนขยายสาขาเชิงรุกมากที่สุดสำหรับการเปิดสาขาใหม่ขนาดใหญ่นับตั้งแต่ปี 2559 เพื่อสะท้อนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และรูปแบบร้านเมกาโฮมที่ปรับปรุงได้ดี โดยบริษัทจะเปิดสาขาใหม่ 7 สาขา ใน 2H65 ซึ่งประกอบด้วยการย้ายสถานที่ตั้งร้านโฮมโปรใหม่ 1 สาขา และเปิดสาขาใหม่ 6 สาขา ได้แก่ ร้านโฮมโปรใหม่ 1 สาขา และร้านเมกาโฮมใหม่ 5 สาขาในปริมณฑลและเมืองใหญ่ๆ (ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ นนทบุรี ขอนแก่น และพัทยา)
- มาร์จิ้นมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยบริษัทตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 20-30 bps YoY ในปี 2565 และเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30 bps YoY ในระยะ 5 ปีข้างหน้า ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนจาก 1. สัดส่วนยอดขายสินค้า Private Brand ที่ให้อัตรากำไรสูงต่อยอดขายที่เพิ่มขึ้นสู่ 20-20.5% ในปี 2565 (เทียบกับ 19.5% ในปี 2564) และ 25% ในระยะกลาง 2. อำนาจต่อรองที่ดีขึ้นกับคู่ค้า อันเป็นผลมาจากยอดขายที่สูงขึ้น และการสั่งซื้อรวมกันสำหรับร้านโฮมโปรกับร้านเมกาโฮม 3. การเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนโลจิสติกส์ในการจัดซื้อสินค้า
ในขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อยอดขาย มีแนวโน้มลดลงเล็กน้อย YoY ในปี 2565 จากการควบคุมค่าใช้จ่ายพนักงาน ค่าสาธารณูปโภค และค่าขนส่งได้ดีขึ้นท่ามกลางยอดขายที่ดีขึ้น ร้านโฮมโปรในมาเลเซียพลิกกลับมาทำกำไรได้แล้วตั้งแต่เดือนมกราคม ส่วนรายได้ค่าเช่าใน 1Q65TD ต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโควิดในปี 2562 อยู่ 10-20% ซึ่งบริษัทคาดว่าส่วนลดค่าเช่าจะลดลง YoY ในปี 2565
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (2 มีนาคม) ณ เวลา 12.30 น. ราคาหุ้น HMPRO ปรับตัวขึ้น 0.63%DoD สู่ระดับ 15.90 บาท
มุมมองระยะสั้น:
SCBS ประเมินยอดขายสาขาเดิม (SSS) ของ HMPRO ใน 1Q65TD ที่เติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับต่ำ YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจและ Sentiment ที่ดีขึ้น รวมถึงมาตรการลดหย่อนภาษีช้อปปิ้งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ จะช่วยหนุนให้ยอดขายของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นได้อีกประมาณ 200 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 1% ต่อยอดขาย)
โดยคาดว่ากำไร 1Q65 จะเติบโต YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ฟื้นตัว ขณะที่ QoQ จะลดลงเล็กน้อยจากผลกระทบทางฤดูกาล
มุมมองระยะยาว:
SCBS คาดว่ากำไรปี 2565 จะเติบโต 15%YoY โดยได้รับการสนับสนุนจาก SSS ที่ปรับตัวดีขึ้นจากการกลับมาดำเนินกิจกรรมภายในประเทศหลังจากคลายล็อกดาวน์ ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนมาอยู่บ้านมากขึ้นช่วยกระตุ้นยอดขายสินค้าปรับปรุงและตกแต่งบ้าน และรายได้ค่าเช่าจะฟื้นตัวดีขึ้นจากการให้ส่วนลด / ผ่อนผันค่าเช่าแก่ผู้เช่าลดลง
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม คือ สถานการณ์โควิดที่แย่ลง ซึ่งจะส่งผลให้ต้องกลับมาใช้ข้อจำกัดเพื่อควบคุมการระบาดอีกครั้ง
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP