ถึงจุดนี้ การที่จะบอกว่า Gucci เป็นตัวแปรสำคัญในด้านขับเคลื่อนวงการแฟชั่นอาจดูน้อยเกินไปแล้ว หากแต่ต้องบอกว่าถึงขั้นขับเคลื่อนสังคมและวัฒนธรรมโดยรวมมากกว่า เพราะตลอด 7 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ Alessandro Michele ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์ เขา ซีอีโอ Marco Bizzarri และทีมงาน Gucci ทั่วโลกก็ต่างได้ใช้ผลงานแฟชั่นและพลังของมันในการตั้งค่าใหม่เรื่องเพศ เรื่องความเท่าเทียม จนถึงเรื่องความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งไม่เพียงแต่แบรนด์แฟชั่นคู่แข่งต่างต้องศึกษาและทำตาม แต่บริษัทหรือบุคคลในแวดวงอื่นก็ต้องหันมาสนใจด้วย
สิ่งเหล่านี้ได้ถูกตอกย้ำอีกครั้งเมื่อคืนที่ผ่านมา (25 กุมภาพันธ์) กับแฟชั่นโชว์คอลเล็กชันใหม่ที่ใช้ชื่อว่า Exquisite Gucci ซึ่งเป็นการกลับมาจัดรันเวย์อีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ที่มิลานแฟชั่นวีกหลังจาก Gucci พักไป 2 ปีเพราะสถานการณ์โควิด โดยตั้งแต่นั้นมาทาง Gucci ก็ได้ประกาศว่า ต่อไปทางแบรนด์ปรับเปลี่ยนวิธีการนำเสนอแต่ละคอลเล็กชันที่ไม่ได้สอดคล้องกับระบบดั้งเดิมของแฟชั่น ซึ่งต่อไปแต่ละคอลเล็กชันที่ผสมทั้งเสื้อผ้าทั้งชายหญิงทาง Alessandro Michele จะตั้งชื่อให้ แทนที่จะต้องเรียว่า Fall/Winter, Spring/Summer, Cruise หรือ Pre-Fall
สำหรับคอลเล็กชัน Exquisite Gucci ทาง Alessandro Michele ตัดสินใจให้ตัวสถานที่จัดรันเวย์เป็นกระจกเงาสะท้อนแบบรอบด้าน 360 องศา เพราะเขาเชื่อมาตลอดว่าสิ่งที่เราสวมใส่ก็เป็นการสะท้อนตัวต้นของเรา และบริบทของการแต่งตัวแบบ Gender-Fluid ที่ไม่จำกัดเพศก็ยังคงเป็นคอร์หลักของคอลเล็กชันนี้เหมือนที่ Alessandro Michele ใช้มาตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งในครั้งนี้เขาก็อยากสร้างนิยามใหม่ของการที่ผู้หญิงหลายคนสมัยนี้ชอบเลือกใส่สูทของผู้ชาย โดยเห็นได้จากลุคเปิดกับสูทกระดุมสองแถว
แต่ที่ถือว่าเป็นไฮไลต์สุดของคอลเล็กชัน Exquisite Gucci ก็คือการทำโปรเจกต์คอลแลบบอเรชันร่วมกับ Adidas โดยตั้งแต่แรกที่มีกระแสข่าวลือออกมาตอนต้นปีหลายคนก็สงสัยว่าเสื้อผ้าและแอ็กเซสซอรีจะออกมาเป็นอย่างไร และจะคล้ายกับแบรนด์ลักชัวรีเจ้าอื่นไหมที่นิยมการทำคอลแลบบอเรชันร่วมกับแบรนด์กีฬาเหลือเกิน แต่ผลลัพธ์ก็ถือว่าน่าสนใจอย่างมาก และ Alessandro Michele ไม่ได้เพียงตัดสินใจเอาโลโก้ Adidas มาตัดแปะบนไอเท็ม Gucci แบบง่ายๆ ไม่ต้องคิดมาก แต่กลับนำเรื่องราวงานเทเลอริงและความจัดจ้านของ Gucci มาผสมผสานและหาจุดตรงกลางกับความเป็นสปอร์ตของ Adidas โดยแรงบันดาลใจหลักก็คือชุดเดรสยาวขาวแดงที่ดีไซเนอร์ Laura Whitcomb เคยดีไซน์ในปี 1993 ร่วมกับ Adidas สำหรับแบรนด์ Label ของเธอ และ Madonna ก็ได้สวมใส่จนทำให้ดัง ซึ่งในรันเวย์ Exquisite Gucci เราก็ได้เห็นเวอร์ชันใหม่ในลุค 28 และ Laura Whitcomb เองที่ทุกวันนี้ได้หันไปเป็นภัณฑารักษ์ด้านศิลปะก็ได้เป็นแขกในโชว์ด้วย
สำหรับใครที่อยากเป็นเจ้าของไอเท็ม Gucci x Adidas ก็ต้องรออีกสักนิด แต่ที่ประกาศออกมาแล้วก็เหมือนโปรเจกต์คอลแลบบอเรชันก่อนๆ ทาง Gucci จะจัดป๊อปอัพสโตร์ทั่วโลกที่ Alessandro Michele จะเป็นคนช่วยออกแบบ
ส่วนรันเวย์คอลเล็กชันต่อไปของ Gucci ก็จะเกิดขึ้นเพียงอีก 3 เดือนข้างหน้าในวันที่ 16 พฤษภาคม ที่เมืองแห่งหนึ่งในทวีปยุโรปที่ยังไม่ได้ประกาศออกมา ซึ่งในตอนนั้นถึงแม้ Rihanna อาจมาร่วมงานเหมือนโชว์ Exquisite Gucci เมื่อคืนไม่ได้ เพราะน่าจะเพิ่งคลอดลูก แต่ก็เชื่อว่าจะมีเหล่าบรรดา Global Brand Ambassador ขาประจำอย่าง Jared Leto ปรากฏตัวแน่นอน รวมถึง อีจองแจ พระเอก Squid Game ที่เมื่อคืนก็ไปโชว์ Gucci ครั้งแรกก่อนที่จะต้องรีบบินไปลอสแอนเจลิสต่อสำหรับงานประกาศรางวัล SAG Awards 2022 เช้าวันจันทร์ (28 กุมภาพันธ์) ที่จะถึงนี้ ซึ่งไม่น่าเดากันยากว่าเขาจะใส่ชุดสูทของยี่ห้ออะไรบนพรมแดง
ภาพ: Gucci
