นักลงทุนกังวลภัยสงครามรัสเซีย-ยูเครน หลังเริ่มมีเหตุการณ์ปะทะกันบ้างแล้ว ส่งผลตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงหนัก ขณะที่ Bitcoin ดิ่งแตะระดับ 35,500 ดอลลาร์ สวนทางกับราคาทองคำและน้ำมันที่ปรับขึ้นแรง นักวิเคราะห์แนะถือเงินสดพักเงินรอซื้อช่วงตลาดพักฐานหนัก
จากภาวะสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้ราคาของสินทรัพย์ลงทุนทั่วโลกเคลื่อนไหวไปในทิศทางคล้ายกันในวันนี้ (24 กุมภาพันธ์) โดยเป็นภาพของการที่สินทรัพย์เสี่ยงถูกเทขายออกมา ขณะที่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำและพันธบัตรมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้า ส่วนราคาน้ำมันก็พุ่งขึ้นมาแตะระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในรอบ 7 ปี
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิจัย บล.เอเชียพลัส เปิดเผยว่า จากความเสี่ยงในเรื่องของสงครามที่เกิดขึ้น ทำให้โดยธรรมชาติแล้วเงินทุนจะไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง อย่างหุ้น รวมถึงสินทรัพย์ดิจิทัลที่ปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ ไปเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย รวมถึงสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนได้สม่ำเสมอ เช่น หุ้นกู้ที่ผลตอบแทนสูง
ในขณะที่การถือครองเงินสดจะเป็นลักษณะของการพักเงินในช่วงสั้นๆ เท่านั้น เพื่อรอดูจังหวะสำหรับการจัดสรรเงินลงทุนอีกครั้ง เพราะในปัจจุบันราคาของสินทรัพย์ต่างๆ เริ่มปรับตัวทั้งขึ้นและลงมาแล้วพอสมควร
“สำหรับหุ้น ณ ระดับราคาปัจจุบันไม่ใช่ระดับที่ควรจะขายแล้ว เพราะราคาที่ลดลงมีอารมณ์แพนิกเข้ามาผสมมากพอสมควร อย่าง Dow Jones Futures ที่ลดลง 700 จุดในช่วงแรก ก็เริ่มฟื้นกลับมาเหลือติดลบ 500 จุด และกลับกันในสินทรัพย์อย่างทองคำ ซึ่ง ณ ระดับนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นราคาที่สูงเกินไปแล้วในระยะสั้น”
สถานการณ์ปัจจุบันยังไม่ได้เหนือไปกว่าความคาดหมายนัก แต่ก็ต้องติดตามสถานการณ์ต่อไปว่าหลังจากนี้จะมีพันธมิตรของทั้งสองฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมหรือไม่
ด้าน ภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า มองว่า เงินลงทุนมีโอกาสจะถูกโยกกลับมาที่ตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งมีความน่าสนใจมากกว่าสหรัฐฯ และยุโรป ในส่วนของยุโรปนั้นมีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ค่อนข้างมาก ขณะที่สหรัฐฯ เองยังถูกกดดันจากปัญหาเงินเฟ้อ การขึ้นดอกเบี้ย และการใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัว
สำหรับสินทรัพย์อย่างน้ำมันและทองคำ มองว่าเป็นลักษณะของการซื้อขายเก็งกำไรเท่านั้น หากปัญหาเริ่มผ่อนคลายลง ราคาจะลดลงไปตาม แต่ในระยะสองสัปดาห์ข้างหน้านี้อาจจะยังพอเก็งกำไรได้ จนกว่าจะเริ่มเห็นสัญญาณของการคลี่คลาย
“สิ่งสำคัญในช่วงนี้ ซึ่งตลาดผันผวนสูง นักลงทุนควรสำรองเงินสดไว้ โดยอาจจะพักเงินในตราสารตลาดเงินซึ่งเน้นคุ้มครองเงินต้น เพื่อรอจังหวะในการเข้าลงทุน ซึ่งตลาดที่น่าสนใจจริงๆ แล้วก็คือตลาดหุ้นไทย ส่วนตลาดหุ้นยุโรปหากสถานการณ์ยืดเยื้อจนทำให้ปรับฐานลงไปมากกว่านี้ก็จะเริ่มน่าสนใจ”
สำหรับตลาดหุ้นเอเชียที่สำคัญโดยภาพรวม
ดัชนี BSE Sensex อินเดีย ลดลง 4.7%
ดัชนี Hang Seng ฮ่องกง ลดลง 3.2%
ดัชนี KOSPI เกาหลีใต้ ลดลง 2.6%
ดัชนี Taiwan Weighted ไต้หวัน ลดลง 2.5%
ดัชนี PSEi Composite ฟิลิปปินส์ ลดลง 2.1%
ดัชนี Nikkei 225 ญี่ปุ่น ลดลง 1.8%
ดัชนี Shanghai จีน ลดลง 1.7%
ดัชนี IDX Composite อินโดนีเซีย ลดลง 1.5%
ดัชนี VN 30 เวียดนาม ลดลง 1.1%
ดัชนี SET ไทย ลดลง 2%
ขณะที่ตลาดหุ้นในฝั่งยุโรปที่สำคัญที่เปิดตลาดมาในช่วงแรก ณ เวลา 16.55 น. ตามเวลาประเทศไทย
ดัชนี MOEX รัสเซีย ในช่วงแรกติดลบไปถึง 45% ก่อนจะฟื้นตัวลดช่วงลบมาเหลือ 23.5%
ดัชนี DAX เยอรมนี ลดลง 3.8%
ดัชนี CAC 40 ฝรั่งเศส ลดลง 3.8%
ดัชนี FTSE 100 อังกฤษ ลดลง 2.7%
ด้านสินทรัพย์ทางเลือกต่างๆ ได้แก่
น้ำมันดิบเบรนต์ เพิ่มขึ้น 7.6% เป็น 101 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ทองคำ เพิ่มขึ้น 2.5% เป็น 1,958 ดอลลาร์ต่อออนซ์
Bitcoin ลดลง 8.8% เป็น 35,500 ดอลลาร์