21 กุมภาพันธ์ 2563 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคอนาคตใหม่และเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคเป็นระยะเวลา 10 ปี กรณีที่พรรคอนาคตใหม่กู้เงินจาก ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จำนวน 191.2 ล้านบาท
โดยในเนื้อหาส่วนหนึ่งของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า
การให้กู้เงิน 191.2 ล้านบาท รวมกับเงินที่ธนาธรบริจาคในปี 2562 จำนวน 8.5 ล้านบาทแล้ว ย่อมชัดแจ้งว่าเป็นการบริจาคเงินเกิน 10 ล้านบาทต่อปี ซึ่งต้องห้ามตามมาตรา 66 วรรค 2 ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง
การที่ธนาธรได้ให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงินจำนวนมาก กรรมการบริหารพรรคย่อมรู้ว่าการเป็นหนี้กับบุคคลใดจำนวนมากย่อมจะก่อให้เกิดการครอบงำโดยอาศัยอำนาจความเป็นเจ้าหนี้ ทั้งก่อให้เกิดความได้เปรียบทางการเงินมาเป็นผู้บงการพรรคแต่เพียงผู้เดียวหรือกลุ่มเดียวอันส่งผลให้พรรคการเมืองเป็นธุรกิจการเมือง ดังนั้นการกู้ยืมเงินของพรรคจึงเป็นเจตนาหลีกเลี่ยงการรับบริจาคเงินตามมาตรา 66 จึงมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้ถูกร้องฝ่าฝืนมาตรา 72 พ.ร.ป.พรรคการเมือง เป็นเหตุให้ยุบพรรค และเพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่จำนวน 16 คน และห้ามจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่หรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่เป็นระยะเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่งยุบพรรค (21 กุมภาพันธ์)
โดยกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่จำนวน 16 คน นำโดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค, ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค, กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ รองหัวหน้าพรรค และ พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค ฯลฯ
หลังคำวินิจฉัยดังกล่าว ธนาธรแถลงเปิดใจโดยระบุว่า
“วันนี้พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบแล้ว กรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิ์แล้ว แต่การเดินทางยังไม่สิ้นสุดลง นี่ไม่ใช่เวลาเสียใจ ยังเร็วไปที่จะร้องไห้ เพราะพรรคอนาคตใหม่เป็นมากกว่าพรรคการเมือง
“ผมขอประกาศจัดตั้ง ‘คณะอนาคตใหม่’ คณะรณรงค์การเคลื่อนไหวสังคมเพื่อผลักดันวาระที่ก้าวหน้าขึ้นและทำงานการเมืองต่อ รณรงค์วาระทางการเมืองที่เคยเป็นนโยบายพรรคอนาคตใหม่ต่อไปอย่างมุ่งมั่น หนักแน่น ไม่ย่อท้อ แม้พวกเขาจะเหยียบเรากี่ครั้งก็ตาม
“ขอสัญญากับพี่น้องประชาชนอีกครั้งว่าวันนี้ไม่ใช่วันที่เราท้อถอยหรือหยุดก้าวเดิน แต่เราจะเดินต่อไปในรูปแบบใหม่ ผมและกรรมการบริหารพรรคที่ถูกตัดสิทธิ์ขอพลังจากทุกคนให้เดินต่อไปด้วยกัน”
