วันนี้ (15 กุมภาพันธ์) ที่ด้านหน้าอาคารรัฐสภา ฝั่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กลุ่มประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ นำโดย อารมย์ คำจริง ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ดำเนินการนำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมแร่ทองคำและควบคุมการทำเหมืองแร่ทองคำ พ.ศ.… เข้าสู่การพิจารณาของสภา เพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมายในการปกป้องและคุ้มครองทองคำจำนวนมหาศาลในประเทศไทย
อารมย์กล่าวว่า ตามที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตัดสินใจใช้มาตรา 44 ประกอบมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2559 ในการยุติการทำเหมืองแร่ทองคำในประเทศไทย เป็นการใช้อำนาจโดยชอบในฐานะผู้ให้สัมปทาน จึงมีอำนาจเหนือเอกชนในฐานะผู้รับสัมปทาน ภายหลังจากที่มีประชาชนร้องเรียนว่าได้รับผลกระทบจึงตัดสินใจระงับการทำเหมืองแร่ทองคำไว้และตรวจสอบ ซึ่งเป็นเพียงการไม่ต่อใบอนุญาตโรงงานที่สิ้นสุดลงตามปกติ
นอกจากนี้ยังส่งผลให้ทองคำจำนวนมหาศาลไม่ถูกขุดและส่งออกจากประเทศไทยมาจนถึงปัจจุบัน ขณะที่ทองคำจำนวนมหาศาลถือเป็นทรัพย์สินเพื่อความมั่นคงของชาติ และเพื่อแสดงให้คนไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของบรรพบุรุษไทยทุกท่านที่ปกป้องและคุ้มครองแผ่นดินรวมถึงทองคำมหาศาลไว้ให้เป็นทรัพย์สินของลูกหลานไทยทุกคนมาจนถึงวันนี้
จึงเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่จะต้องร่วมใจกันปกป้องคุ้มครองทองคำมหาศาลไว้ให้เป็นทรัพย์สินเพื่อความมั่นคงของชาติไทยสืบไป
จึงทำให้กลุ่มประชาสังคมฯ พร้อมด้วยประชาชน จำนวน 10,000 รายชื่อ ร่วมกันเข้าชื่อเสนอร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว ซึ่งหากวันใดประเทศไทยมีความจำเป็นต้องขุดทองคำขึ้นมาก็ให้นำเข้าสู่คลังหลวง เพื่อเป็นทรัพย์สินค้ำประกันความมั่นคงของชาติ
สำหรับบรรยากาศการยื่นหนังสือในครั้งนี้ กลุ่มประชาสังคมฯ แต่งกายด้วยชุดไทยย้อนยุค มีการขี่ม้า สะบัดธงชาติ และหาบแร่ทองคำ พร้อมตีกลองเพื่อสร้างความฮึกเหิม และโห่ร้องไชโย ภาพรวมบรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อยภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภา