×

CRC ทุ่มลงทุน 1 แสนล้านบาทใน 5 ปี เน้นขยายสาขา ลุยธุรกิจใหม่ และพัฒนาเทคโนโลยี ดันรายได้โต 2.5 เท่าในปี 2569

08.02.2022
  • LOADING...
CRC

บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น หรือ CRC ประกาศกลยุทธ์ CRC Retailligence ขับเคลื่อนองค์กรใน 5 ปี ด้วย 4 กลยุทธ์ พร้อมทุ่มงบลงทุนกว่า 1 แสนล้านบาท ขยายการเติบโตทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งฟู้ด แฟชั่น ฮาร์ดไลน์ พร็อพเพอร์ตี้ และสร้างธุรกิจใหม่ ดันรายได้เติบโต 2.5 เท่า และผลักดันให้ EBITDA เพิ่มขึ้น 3.5 เท่า

 

ญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าวว่า CRC ตั้งเป้าผลประกอบการในปี 2569 เติบโตในทุกมิติ โดยรายได้เติบโต 2.5 เท่า EBITDA เพิ่มขึ้น 3.5 เท่า และมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) เพิ่มขึ้น 2.5 เท่า ขณะที่ข้อมูล ณ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ CRC มีมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 226,162.50 ล้านบาท 

 

โดย CRC จัดสรรงบลงทุน 1 แสนล้านบาท เพื่อวางรากฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของ Next-Gen Omni Retail ผนวกกับ CRC Data Ecosystem แบ่งเป็นงบลงทุน 75% สำหรับการลงทุนขยายสาขาใหม่และปรับปรุงสาขาเดิม ส่วนอีก 25% จะใช้สำหรับลงทุนด้านเทคโนโลยี 

 

ปัก 4 กลยุทธ์สร้างการเติบโต 

เพื่อให้เป้าหมายระยะ 5 ปี (ภายในปี 2569) ประสบผลสำเร็จตามแผน CRC จะเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรด้วย 4 กลยุทธ์ ดังนี้ 

 

  1. Reinvent Next-Gen Omni Retail โดยยกระดับแพลตฟอร์มออมนิแชแนลผ่านการเชื่อมโลกจริงและโลกเสมือนจริง โดยใช้เทคโนโลยีและดิจิทัลใหม่ๆ ยกระดับการให้บริการทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งฟู้ด แฟชั่น ฮาร์ดไลน์ พร็อพเพอร์ตี้ รวมถึงกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ ครอบคลุมทั่วประเทศทั้งในไทย เวียดนาม และอิตาลี

 

  1. Accelerate Core Leadership คือการเร่งการขับเคลื่อนและสร้างการเติบโตในกลุ่มธุรกิจหลักของเซ็นทรัล รีเทล ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ระดับสากล 

 

  1. Build New Growth Pillars โดย CRC จะสร้างธุรกิจใหม่ เริ่มจากกลุ่ม Wellness รวมถึงเซกเมนต์อื่น ๆ ที่เป็นไปตามเทรนด์ของโลกและความต้องการของผู้บริโภค

 

  1. Drive Partnership, Acquisition and Spin Off ขยายธุรกิจภายใต้แนวคิด Inclusive Growth สร้างความสำเร็จร่วมกันกับพาร์ตเนอร์เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน 

 

“จากผลสำเร็จของกลยุทธ์ New Central New Retail ที่ทำให้เซ็นทรัล รีเทล ก้าวขึ้นเป็นอันดับที่ 1 ใน Regional Omnichannel Retailer ที่ตั้งไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว และประสบความสำเร็จ ถือเป็นบทพิสูจน์ว่าดีเอ็นเอของเซ็นทรัล รีเทล ในวันนี้ แข็งแกร่งและเปี่ยมด้วยศักยภาพ เราพร้อมที่จะก้าวสู่ CRC Retailligence ที่ยังคงยึดหลักความใส่ใจในสิ่งแวดล้อม สังคม และหลักธรรมาภิบาล (ESG) เป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ จากการติดอาวุธครบมือในครั้งนี้ ทำให้เรามั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ในอีก 5 ปีข้างหน้าได้อย่างแน่นอน” ญนน์กล่าว

 

ประเมินกำลังซื้อของตลาดกลาง-บน ยังโตต่อ 

เขากล่าวว่า แนวโน้มสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดเริ่มคลายตัวลงต่อเนื่อง ทำให้เชื่อว่าแนวโน้มเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว กำลังซื้อของผู้บริโภคเริ่มปรับตัวดีขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มกลาง-บน ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักของ CRC อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ากำลังซื้อระดับล่างลงไปอาจจะฝืดอยู่บ้าง แต่ก็เชื่อว่าภาครัฐจะเร่งผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ เพิ่มมากขึ้น 

 

“ฟีดแบ็กของโครงการช้อปดีมีคืน ในฐานะประธานสมาคมค้าปลีกก็กำลังเซอร์เวย์เรื่องนี้อยู่ แต่เท่าที่ดูโดยรวมถือว่าได้รับผลตอบรับที่ดี ซึ่งทางสมาคมก็พยายามผลักดันให้มีโครงการแบบนี้ออกมาอีกเพื่อกระตุ้นการจับจ่าย ก่อนหน้านี้สมาคมได้แชร์มุมมองกับรัฐบาลไปว่า ปัญหาด้านเศรษฐกิจครั้งนี้ไม่เหมือนต้มยำกุ้งที่เป็นวิกฤตการเงินของคนรวย แต่ครั้งนี้เป็นวิกฤตสำหรับทุกคน ซึ่งปัญหาคือจะทำอย่างไรให้ประชาชนกล้าจับจ่ายใช้สอย ซึ่งโครงการแบบช้อปดีมีคืนคือการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลสามารถทำได้ด้วยการลงทุนที่ต่ำสุด แต่ผลที่ได้รับดีสุด” ญนน์กล่าว 

 

ตรึงราคาสินค้าถึงสิ้นไตรมาสนี้ เน้นพิจารณารายเดือน 

สำหรับปัจจัยเรื่องราคาน้ำมัน ซึ่งกระทบกับต้นทุนการผลิตและขนส่งนั้น ในฐานะประธานสมาคมค้าปลีก อยากให้รัฐบาลแก้ไขในเรื่องราคาเชื้อเพลิงให้เร็ว โดยเชื่อว่ารัฐบาลรับรู้ถึงปัญหาและแนวทางแก้ไขอยู่แล้ว แต่สิ่งที่น่าจะช่วยได้เพิ่มคือการกำหนดนโยบายด้านพลังงานทดแทนหรือพลังงานสะอาดให้ชัดเจน เช่น นโยบายสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และนโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ 

 

ขณะเดียวกัน ในฐานะผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ของประเทศ CRC ก็ได้ร่วมมือกับสมาคมค้าปลีก โดยพยายามตรึงสินค้าให้ได้มากที่สุด และใช้วิธีหาสินค้าบางอย่างมาทดแทน ควบคู่ไปกับการหารือกับคู่ค้าและซัพพลายเออร์ในเรื่องต้นทุนและราคาขายสินค้าต่างๆ เบื้องต้น CRC จะตรึงราคาสินค้าจนถึงสิ้นไตรมาส 1 และจากนั้นจะพิจารณาสถานการณ์เป็นรายเดือนหรือรายไตรมาส 

 

เปิด 5 เทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภค 

ญนน์กล่าวเพิ่มว่า โลกจากนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ใน 5 เทรนด์สำคัญ จึงต้องเตรียมความพร้อมและปรับตัว เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคและเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยสรุป 5 เทรนด์ดังนี้

 

  1. A New Consumer Paradigm: พฤติกรรมของผู้บริโภคจะพลิกไปสู่รูปแบบใหม่ทั้งในโลกจริงและโลกเสมือนจริง ซึ่งแตกต่างจากรูปแบบเดิมอย่างสิ้นเชิงและรวดเร็ว 

 

  1. Scaling in the Era of Digital Acceleration: โลกจะพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยมีเทคโนโลยีและดิจิทัลเป็นตัวเร่ง

 

  1. The Future of Wellness: ผู้บริโภคจะให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้นในการดูแลสุขภาพและการใช้ชีวิตให้ถูกสุขลักษณะ โดยจะมีเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวเชื่อม ตอบโจทย์การดำเนินชีวิตได้ครบวงจร

 

  1. Partnership for Inclusive Growth: การร่วมมือกันระหว่างพันธมิตรทางธุรกิจจะมุ่งเน้นไปที่ความสำเร็จและการเติบโตไปด้วยกัน 

 

  1. Sustainability Agenda for All: การมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสังคมและดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนเป็นเรื่องสำคัญของทุกคนและทุกภาคส่วน

 

ทั้งนี้ บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น หรือ CRC เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย และเป็นบริษัทเรือธงด้านค้าปลีกซึ่งเป็นรากฐานของกลุ่มเซ็นทรัล มีเครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีก 3,687 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2564) นำเสนอสินค้าหลากหลายประเภท (Multi-Category) ผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-Format)

 

ธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมทั้งหมด 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่

 

  1. กลุ่มแฟชั่น เน้นสินค้าเสื้อผ้าและเครื่องประดับ ภายใต้ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน, ซูเปอร์สปอร์ต, เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป (CMG) และรีนาเชนเต (Rinascente) 

 

  1. กลุ่มฮาร์ดไลน์ เน้นสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าตกแต่งซ่อมแซมบ้าน ภายใต้ไทวัสดุ, บ้านแอนด์บียอนด์, เพาเวอร์บาย, เหงียนคิม, ออฟฟิศเมท, บีทูเอส, และเมพ (e-book)

 

  1. กลุ่มฟู้ด เน้นสินค้าของสดและของใช้บริโภคในครัวเรือน ภายใต้ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ เดลี่, แฟมิลี่มาร์ท, บิ๊กซี/โก! และลานชี มาร์ท

 

  1. กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ เน้นให้เช่าพื้นที่ค้าปลีกแก่บุคคลภายนอกและร้านค้าในเครือ ภายใต้ โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์, ท็อปส์ พลาซ่า, และบิ๊กซี/โก! 

 

เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ทั้งหมด 56 จังหวัด, ประเทศเวียดนาม ทั้งหมด 39 จังหวัด และประเทศอิตาลี ในเมืองหลักๆ ทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2564)

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising