หนึ่งในอุปกรณ์สำคัญที่จะนำคุณเข้าไปอยู่ในโลกเสมือนจริงคือชุดแว่น VR (Virtual Reality) โดยแว่นนี้จะจำลองภาพสามมิติขึ้นมาเพื่อที่จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่ในสถานที่หรือสถานการณ์นั้นจริงๆ ซึ่งความสมจริงหรือการที่ผู้ใช้จะได้อรรถรสมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น เทคโนโลยีจอภาพ, ความละเอียดของภาพ, ความลื่นไหลของวิดีโอ, ความเร็วในการทำงานของเครื่อง ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างภาพที่เราเห็นกับการเคลื่อนไหวของเรา แว่นกับคอนโทรลเลอร์ทำงานสอดคล้องกันไหม ทั้งหมดทั้งปวงนั้น นี่คือชุดแว่นที่เราอยากให้คุณจับตาดูสำหรับปีนี้
Sony PlayStation VR2 และ PlayStation VR2 Sense Controller
ก่อนอื่นต้องถามก่อนว่าผ่านมาปีหนึ่งแล้ว ใครเก่ง (และโชคดี) พอที่จะจับจองเอาเครื่อง PlayStation 5 มาครอบครองได้บ้าง? แต่ไม่ว่าคุณจะได้เป็นเจ้าของหรือไม่ Sony ก็ไปต่อด้วยการจะออก VR ใหม่มาเล่นคู่กับเครื่องเล่นเกมยอดนิยมแล้ว ล่าสุดในงาน CES 2022 ที่เพิ่งจัดขึ้นไปเมื่อไม่กี่วันนี้ Sony ได้เผยรายละเอียดออกมาเพิ่มเติมว่าชุดแว่นใหม่นี้มีชื่อว่า Sony PlayStation VR2 มาคู่กับ PlayStation VR2 Sense Controller โดย VR2 จะให้ภาพคมชัดและการเคลื่อนไหวที่สมูทด้วยเทคโนโลยีจอ OLED 4K ความละเอียด 2,000 x 2,040 พิกเซลต่อข้าง เฟรมเรต 90 เฮิรตซ์ และ 120 เฮิรตซ์ มีมุมมองภาพกว้าง 110 องศา พร้อมกับระบบ Eye Tracking ที่จะตรวจจับการเคลื่อนไหวของดวงตา ซึ่งจะทำให้การเล่นเกมในโลกเสมือนของคุณตอบสนองได้สมจริงเหมือนตาเห็น นอกจากนี้ยังมีระบบเสียงสามมิติ (3D Audio) ที่จะทำให้คุณเล่นเกมได้อรรถรสมากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม Sony ยังไม่ได้เผยรายละเอียดเรื่องราคา วันวางจำหน่าย และยังไม่ได้ตอบคำถามสำคัญอย่างแว่นตาใหม่นี้จะสามารถใช้งานร่วมกับเกมที่เคยออกมาสำหรับแว่น VR1 หรือไม่
MeganeX
นี่อาจจะเป็นอนาคตของแว่น VR ก็ได้ เพราะส่วนใหญ่ชุดแว่น VR ที่เราเห็นมักมีขนาดใหญ่ แต่ MeganeX (ผลิตโดย Shiftall ที่เป็นบริษัทลูกของ Panasonic) มาในขนาดเล็กกะทัดรัดกว่ารุ่นอื่นๆ มาก และน้ำหนักเบาเพียง 250 กรัมเท่านั้น ถึงจะตัวเล็กแต่ MeganeX ก็มีคุณสมบัติเจ๋งๆ เกินตัว โดยมาพร้อมกับจอ Micro OLED ความละเอียดสูงถึง 5.2K (2,560 x 2,560 พิกเซล) ให้ภาพเคลื่อนไหวไม่กระตุกด้วยเฟรมเรต 120 เฮิรตซ์ต่อวินาที ทำงานได้รวดเร็วด้วยซีพียู Snapdragon XR1 รองรับระบบ Motion Tracking แบบ 6DoF ที่จะมอบประสบการณ์การเข้าไปอยู่ในโลกเสมือนได้สมจริงมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีลำโพงในตัวและสามารถพับเก็บในกล่องได้ สนนราคาอยู่ที่ราว 900 ดอลลาร์
Oculus Quest Pro, Oculus Quest 3
ปีที่แล้ว Oculus Quest 2 เป็นหนึ่งในแว่น VR ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง เพราะคุณภาพและราคาอยู่ในระดับที่จับต้องได้ (ราว 299 ดอลลาร์) และเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ Meta (อดีต Facebook) เลือกให้มาเป็นชุดแว่นสำหรับการใช้งานคู่กับโลกเสมือน Horizon Worlds (เริ่มเปิดตัวที่สหรัฐฯ และแคนาดาก่อน) ปีนี้มีข่าวลือแว่วมาโดยคนที่อยู่ในวงการ VR ตัวพ่ออย่าง Brad Lynch นั่นเอง เขาบอกว่า ในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้จะมีการเปิดตัว Oculus Quest Pro ออกมา (เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Project Cambria) โดยหลักๆ แล้ว VR รุ่นใหม่นี้จะเป็นชุดแว่นแบบไร้สายที่ให้ภาพที่คมชัดสมจริงกว่าเดิม จากที่ใช้จอ LCD ความละเอียด 1,920 x 1,832 พิกเซล จะถูกเปลี่ยนมาเป็นจอประเภท Mini-LED ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เราคุ้นเคยดีจากทีวีรุ่นใหม่ๆ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์บางรุ่นของ Apple ด้วย ขณะที่ Quest 3 จะเปลี่ยนไปใช้จอภาพ uOLED ซึ่งเป็นการพัฒนาจากเทคโนโลยี OLED ในปัจจุบัน นี่ถือว่าเป็นข่าวดีที่น่าตื่นเต้นสำหรับวงการเลยทีเดียว เพราะเราจะได้รับชมภาพที่มีความคมชัดสมจริงมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับ Oculus Quest 3 แหล่งข่าวของเราคาดว่า VR รุ่นนี้น่าจะออกสู่ตลาดราวๆ ปลายปีหน้าโน่นเลย
Pimax Reality 12K QLED
ใครที่ชอบความปังสุด ต้องจับตาดู Pimax Reality 12K QLED ที่มีไฮไลต์อยู่ที่ความละเอียดสูงถึง 6K และมีมุมมองภาพกว้างมากถึง 200 องศา ซึ่งทางผู้ผลิตอ้างว่าครอบคลุมรัศมีที่ดวงตามนุษย์มองเห็นเลยทีเดียว สำหรับเรื่องคุณสมบัติทางเทคนิค Reality ใช้จอ HDR LCD คู่กับเทคโนโลยี Mini-LED Backlighting ซึ่งจะให้ภาพคมชัด โดยเฉพาะเรื่องระดับคอนทราสต์และความกว้างของสีดียิ่งกว่าเทคโนโลยี OLED เสียอีก (เจ้าของเคลมมา) นอกจากนี้ยังแก้ปัญหาการมองเห็นภาพที่ไม่ได้สัดส่วนที่มีให้เห็นใน VR บางรุ่นด้วยการใช้เลนส์คุณภาพสูงและการจัดวางชิ้นเลนส์แบบพิเศษ นอกจากนี้ VR รุ่นนี้ยังอัดแน่นด้วยคุณสมบัติเด่นอื่นๆ มากมาย อาทิ อัตราเฟรมเรต 200 เฮิรตซ์, Motion Tracking แบบ 6 DoF, ระบบ Eye Tracking, แบตเตอรี่ความจุสูง 6,000 mAh ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้เมื่อแบตเตอรี่หมด, รูปร่างออกแบบมาให้ถูกหลักสรีรศาสตร์ ช่วยให้สวมใส่สบาย, ลำโพงในตัวคุณภาพสูง, ไมโครโฟนพร้อมระบบ Noise Canceling, ระบบระบายความร้อนอันดีเยี่ยม, ซีพียู Qualcomm Snapdragon XR2 ฯลฯ ทั้งหมดนี้มาในราคา 2,399 ดอลลาร์ หรือราว 72,000 บาท พร้อมวางจำหน่ายปลายปีนี้
ภาพประกอบ: นิสากร ฤทธาภัย