วันนี้ (21 ธันวาคม) ผู้ที่ถูกหมายเรียก ลงวันที่ 12 ธันวาคม 2564 จากสถานีตำรวจนครบาล (สน.) ลุมพินี ข้อกล่าวหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จากกรณีการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ เพื่อเรียกร้องการสมรสเท่าเทียม หรือ #ม็อบ28พฤศจิกา64 เดินทางไปตามหมายเรียก ซึ่งในบรรดาผู้ที่ถูกหมายเรียก 20 คน มี ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ผู้ผลักดันประเด็น LGBT และการสมรสเท่าเทียมรวมอยู่ และได้เดินทางไปที่ สน.ลุมพินีในวันนี้ด้วย
ณธีภัสร์กล่าวว่า หมายเรียกที่ส่งถึงตนขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ยกเลิกแล้ว เนื่องจากเป็นการออกหมายเรียกในระหว่างสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร หากดำเนินการต่อจะถือเป็นการล่วงละเมิดต่อบทบัญญัติของกฎหมายระดับรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นหลักการคุ้มครองความเป็นอิสระในการทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อไม่ให้ถูกกลั่นแกล้ง แม้แต่ฝ่ายบริหารเองจะใช้อำนาจหน้าที่ตรงนี้มาละเมิดไม่ได้
“แม้หมายเรียกจะถูกยกเลิกไปแล้ว แต่การมาในวันนี้ เพื่อให้กำลังใจผู้ถูกดำเนินคดีและเพื่อยืนยันว่าผู้ถูกตั้งข้อหาทุกคนไม่ได้ทำผิดกฎหมาย เพราะเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ สันติ ปราศจากอาวุธที่รับรองโดยรัฐธรรมนูญ จริงอยู่ว่ารัฐสามารถออกกฎได้ แต่ไม่ใช่จำกัดจนประชาชนทำอะไรไม่ได้แบบนี้”
ทั้งนี้ ณธีภัสร์ยืนยันว่า ในการชุมนุมเรียกร้องสมรสเท่าเทียมดังกล่าว ประชาชนได้ทำหนังสือยื่นคำขอไปแล้ว และทางเจ้าหน้าที่ไม่คัดค้านแต่ประการใด ภายหลังกลับมาออกหมายเรียก จึงไม่รู้เป็นหลุมพรางโดยมีเจตนาในการเล่นงานประชาชนผู้เห็นต่างหรือไม่
“ไม่ว่าอย่างไร การส่งหมายเรียก ส.ส. ในระหว่างสมัยประชุมก็ต้องส่งเรื่องเข้าสู่คณะกรรมาธิการของสภาฯ เพื่อตรวจสอบว่าการออกหมายที่ผิดรัฐธรรมนูญแบบนี้เกิดจากสาเหตุอะไร เป็นความสะเพร่าไม่รู้กฎหมายของตำรวจ ทั้งที่เป็นผู้รักษากฎหมาย หรือเป็นความจงใจปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกลขอยืนเคียงข้างประชาชนและสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ของประชาชน เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร โดยพิจารณาไปพร้อมกันกับร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ของพรรคก้าวไกล ที่ขณะนี้อยู่ในสภาฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมและพรรคก้าวไกลยืนยันว่าจะไม่ปล่อยให้ประชาชนสู้เพียงลำพัง” ณธีภัสร์กล่าวในท้ายที่สุด
