อีกหน่อยมนุษย์อาจต้องพึ่งพาอวัยวะของ ‘หมู’ เพื่อมาทดแทนอวัยวะที่ทำงานผิดปกติในร่างกาย แม้ความเป็นไปได้นี้จะยังไม่เกิดขึ้นเร็ววันในประเทศไทย แต่ภายในบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ United Therapeutics ในรัฐแมริแลนด์ ดูเหมือนจะเข้าใกล้ความจริงเข้าไปทุกที เดวิด อะยาเรส นายแพทย์และประธานฝ่ายวิทยาศาสตร์ของบริษัท Revivicor กล่าวว่า ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้จะได้หมูที่พร้อมสร้างอวัยวะให้กับมนุษย์
จริงๆ แล้ว นักวิทยาศาสตร์พยายามศึกษาและค้นคว้าการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะต่างสปีชีส์ที่ใช้อวัยวะจากสัตว์อื่นมาทดแทนอวัยวะที่ทำงานผิดปกติในร่างกายมนุษย์มาหลายปี ส่วนหนึ่งเพราะจำนวนผู้เสียชีวิตเนื่องจากขาดแคลนอวัยวะเพิ่มสูงขึ้น ในสหรัฐอเมริกาจะมีคนเสียชีวิตประมาณ 17 คนต่อวัน จากสาเหตุดังกล่าว
ตัวเลขจากศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย เผยให้เห็นว่า สถิติผู้บริจาคอวัยวะตั้งแต่เปิดศูนย์ฯ จนถึงปัจจุบัน มีจำนวนรวมกันทั้งสิ้น 1,277,173 คน คิดเป็น 1.9% ของจำนวนประชากรไทย หรือเท่ากับทุกๆ 100 คน จะมีผู้บริจาคอวัยวะ 2 คน ถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้ป่วยที่รอรับบริจาคอวัยวะ
ยิ่งช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด-19 ตัวเลขผู้บริจาคอวัยวะก็ลดลงถึงขั้นวิกฤต เพราะบางเดือนไม่มีผู้บริจาคอวัยวะเลย
ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่รอการ ‘ปลูกถ่ายอวัยวะ’ อยู่จำนวนมากกว่า 21,078 ราย โดยแบ่งเป็นอวัยวะ 5,735 ราย และดวงตา 15,343 ราย แต่ในปี 2563 ที่ผ่านมา ศูนย์รับบริจาคอวัยวะได้รับการบริจาคอวัยวะเพียง 315 รายเท่านั้น และนำอวัยวะไปปลูกถ่ายช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ทั้งสิ้น 697 ราย และสำหรับศูนย์ดวงตา มีผู้ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาเพียง 816 ราย
ขณะที่โลกกำลังเฝ้ารอให้เทคโนโลยีทางการแพทย์ค้นพบวิธีเปลี่ยนถ่ายอวัยวะต่างสปีชีส์ แต่ในตอนนี้ยังมีอีกหลายล้านชีวิตที่รอไม่ได้…หรือไม่มีโอกาสแม้จะเฝ้ารอให้ปาฏิหาริย์ทางการแพทย์เกิดขึ้นกับพวกเขา
หน่อย-กมลวรรณ ศรีแสง พยาบาลโรงพยาบาลราชวิถี
หนึ่งในผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายตับจนมีโอกาสกลับมามีชีวิตอีกครั้ง หลังจากที่เธอต้องอยู่ในอาการโคม่าเกือบสองสัปดาห์ ซึ่งอีกเพียงไม่กี่วันหากเธอไม่ได้รับการปลูกถ่ายตับ วันนี้เธอคงไม่มีโอกาสได้บอกเล่าความรู้สึกของคนที่เคย ‘เฉียดตาย’ ให้เราได้ฟัง
ด้วยอาชีพพยาบาลที่ต้องดูแลผู้ป่วยตลอดเวลา เธอแทบไม่ทันสังเกตว่า อาการอ่อนเพลีย ตัวเหลือง และเริ่มทำกิจกรรมปกติในชีวิตได้ลำบาก จะเป็นอาการของโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองและไปลงที่ตับ ตลอด 5 ปี เธอทำได้เพียงรักษาตามอาการ กินยากดภูมิเพื่อคุมโรคให้อยู่ในภาวะปกติ จนกระทั่งวันหนึ่งเธอก็โคม่าและไม่รู้สึกตัวอีกเลย แพทย์ลงความเห็นว่า ทางเดียวที่จะรอดชีวิตคือต้องได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ
“โคม่าอยู่ 2 สัปดาห์ มารู้ทีหลังว่าช่วงที่โคม่าสมองบวมจนไปกดทับเส้นประสาท ทำให้ร่างกายเราซีกหนึ่งเกือบจะเป็นอัมพาต ครอบครัวก็คิดว่าเราคงไม่รอดแน่ๆ เพราะเขาไม่คิดว่าจะมีใครมาบริจาคอวัยวะให้เรา หลังปลูกถ่ายอวัยวะ 1 สัปดาห์ถึงจะรู้สึกตัว ช่วง 2 เดือนแรกเหมือนอาการของโรคยังหลงเหลืออยู่ เราก็ต้องดูแลตัวเองมากขึ้น ระวังตัวมากขึ้น”
“มันเหมือนปาฏิหาริย์ จากคนที่กำลังจะตายแต่ได้ชีวิตใหม่ และไม่ใช่แค่เรา แต่คนรอบตัวมีทัศนคติเกี่ยวกับการบริจาคอวัยวะเปลี่ยนไปมาก บางคนกลัวว่าบริจาคเดี๋ยวเกิดชาติหน้าจะพิการ แต่พอเรารอดตายเพราะได้อวัยวะจากคนอื่น เขาก็อยากให้คนอื่นรอดตายเหมือนกัน ตอนนี้ที่บ้านก็ไปแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะกันหมด หรือญาติบางคนที่เขาอายุมากแล้วก็ขอบริจาคเป็นอาจารย์ใหญ่ ขอมอบร่างให้คนทำประโยชน์ต่อ”
“คำขอบคุณใดๆ ก็ไม่อาจเทียบเท่ากับสิ่งที่เราได้รับ การได้รับอวัยวะจากผู้ที่บริจาคมันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากๆ และมันก็ส่งพลังดีๆ ทำให้เรามองสังคมในมุมใหม่ และอยากจะทำสิ่งดีๆ ให้กับคนอื่น ช่วยเหลือผู้คนให้มากที่สุด เพื่อเป็นการกตัญญูตอบแทนผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ เหมือนเราเป็นสะพานบุญให้เขาด้วย”
“ตัวเราเองแสดงความจำนงที่จะบริจาคอวัยวะตั้งแต่ก่อนป่วย พอเป็นเราเองที่ได้รับชีวิตใหม่ ยิ่งทำให้อยากดูแลสุขภาพตัวเองให้ดียิ่งขึ้น เพื่อที่ร่างกายเราจะได้แข็งแรง อวัยวะของเราจะได้มอบชีวิตให้กับคนอื่น มันเป็นจุดเริ่มต้นของการให้ที่ไม่สิ้นสุด และคงจะเป็นคำขอบคุณที่เราจะมอบให้กับคนที่บริจาคอวัยวะให้เราได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำประโยชน์ให้กับผู้คนรอบตัวหรือการดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีเพื่อให้อวัยวะของเราได้สร้างประโยชน์ต่อในวันที่เราจากโลกนี้ไปก็ตาม”
“บางคนบอกว่าการให้อวัยวะคือการมอบชีวิต สำหรับเราคนที่จะรู้สึกว่าคำนี้มันจริงที่สุดก็คงต้องเป็นคนแบบเรา คนที่เคยได้รับโอกาสให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งจากผู้ที่บริจาคอวัยวะให้เรา ยังมีอีกหลายคนที่ยังรอความหวังในการมีชีวิตต่อไปเหมือนเราในวันนั้น ถ้าวันนี้เราสามารถทำอะไรได้ก็อยากให้ช่วยกัน ถ้าคุณยังไม่พร้อมที่จะแสดงเจตจำนง จะเลือกบริจาคสมทบทุนเพื่อช่วยเหลือด้านอื่นๆ ก็ได้เช่นกัน”
อ่านมาถึงบรรทัดนี้เชื่อว่าทุกคนรับรู้ได้ว่า การบริจาคอวัยวะ เป็นการทำความดีครั้งยิ่งใหญ่ คือการมอบชีวิตใหม่แก่ผู้ป่วยอวัยวะเสื่อมสภาพ ที่ทรมานจากการเจ็บป่วย ให้สามารถดำเนินชีวิตได้อีกครั้ง โดยทั่วไปแล้ว อวัยวะที่สามารถนำไปปลูกถ่ายเพื่อช่วยชีวิตผู้อื่น ได้แก่ หัวใจ ลิ้นหัวใจ ตับ ปอด ไต ผิวหนัง และดวงตา 1 ชีวิตของเรา อาจช่วยคนได้มากถึง 8 ชีวิต โดยการแสดงความจำนงบริจาคดวงตาให้กับศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย ภายหลังจากเสียชีวิตแล้วสามารถนำไปรักษาผู้ป่วยกระจกตาพิการได้มากถึง 4 ชีวิต
ศูนย์รับบริจาคอวัยวะและศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย ร่วมกับ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ ทรู คอร์ปอเรชั่น เห็นความสำคัญของการให้ที่ยิ่งใหญ่มาโดยตลอด จึงดำเนินโครงการ Let Them See Love ต่อเนื่องเป็นปีที่ 15 เพื่อรณรงค์ให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการให้ พร้อมเชิญชวนคนไทยให้บริจาคอวัยวะและดวงตาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
Let Them See Love เป็นอีกหนึ่งโครงการที่สะท้อนความมุ่งมั่นของเครือเจริญโภคภัณฑ์และทรู คอร์ปอเรชั่น ที่สร้างเสริมให้ประชากรไทยมีสุขภาพและสุขภาวะที่ดี พ้นจากอาการเจ็บป่วยและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ มีโอกาสประกอบอาชีพ เพื่อสร้างประโยชน์และคุณค่าให้แก่ครอบครัว ชุมชน และประเทศชาติ ขับเคลื่อนหลักการความยั่งยืนครอบคลุมมิติทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม พร้อมชวนคนไทยยุคดิจิทัลส่งต่อความรักที่ไม่สิ้นสุด ด้วยการให้เพื่อต่อลมหายใจเพื่อนมนุษย์ที่กำลังรอคอยความหวังกว่า 21,078 ราย และกระตุ้นให้ญาติและคนรอบตัวผู้ที่อยู่ในสภาวะสมองตาย ตระหนักถึงความสำคัญเรื่องการบริจาคอวัยวะและดวงตา หรือจะร่วมบริจาคทุนทรัพย์ เพื่อสมทบทุนค่าใช้จ่ายในกระบวนการบริจาคอวัยวะและดวงตา สภากาชาดไทยต่อไป
ผู้ที่ต้องการแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะและดวงตา สามารถกรอกแบบฟอร์มและยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ของศูนย์ดวงตาและศูนย์รับบริจาคอวัยวะที่มาออกหน่วยรับบริจาค เพื่อรับบัตรผู้บริจาค หรือส่งแบบฟอร์มทางไปรษณีย์โดยไม่ต้องชำระค่าไปรษณียากร จากนั้นศูนย์ดวงตาและศูนย์รับบริจาคอวัยวะจะส่งบัตรผู้บริจาคส่งให้ตามที่อยู่ที่ได้ระบุไว้ โดยที่ท่านต้องแจ้งความจำนงให้ญาติรับทราบ ดูข้อมูลโครงการเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.letthemseelove.com หรือเฟซบุ๊ก www.facebook.com/CPGroupSustainability/
หรือติดต่อแสดงความจำนงบริจาคดวงตาได้ที่ ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย โทร. 0 2256 4039-40 ต่อศูนย์ดวงตา ตลอด 24 ชั่วโมง ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ eyebankthai.redcross.or.th/
สำหรับผู้ที่สนใจบริจาคเงินสมทบทุนเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ในกระบวนการปลูกถ่ายอวัยวะและดวงตาสภากาชาดไทย สามารถบริจาคผ่านช่องทางด่านล่างนี้ และยังได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษี 2 เท่า เพียงสแกน QR Code บริจาคผ่านระบบ E-Donation (ผ่าน Mobile Banking Application) go.letthemseelove.com/donate
- บริจาคผ่านบัญชีออมทรัพย์ ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย ธนาคารกรุงไทย สาขาสุรวงศ์ เลขที่บัญชี 023-1-25888-7
- บริจาคผ่านบัญชีออมทรัพย์ ศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสภากาชาดไทย เลขบัญชี 045-231390-2
- ร่วมบริจาคผ่าน True Money Wallet l.sustainablelife.co/rc3
- สมทบทุนผ่านระบบ SMS ของ TrueMoveH พิมพ์ 10 เพื่อบริจาค 10 บาท หรือพิมพ์ 100 เพื่อบริจาค 100 บาท ส่งไป SMS ที่ 91255 รายได้มอบให้ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ ศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย โดยไม่หักค่าใช้จ่าย
สอบถามข้อมูลการบริจาคอวัยวะและบริจาคดวงตาเพิ่มเติมได้ที่
- ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย โทร. 1666 หรือ 0 2256 4045-6
- ศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย โทร. 0 2256 4039-40
Let Them See Love อีกหนึ่งในโครงการที่เครือเจริญโภคภัณฑ์มุ่งมั่นสานต่อการให้ที่ไม่สิ้นสุด ด้วยความเชื่อมั่นของเครือเจริญโภคภัณฑ์ในคุณค่าของ ‘ความกตัญญู’ และมุ่งหวังที่จะเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความดีนี้ให้เติบโตในหัวใจของทุกคน เพื่อสร้างรากฐานสังคมที่ยั่งยืนต่อไป…เพราะคุณค่าของ ‘ความกตัญญู’ เติบโตที่ไหน ที่นั่นย่อมงดงาม
#LetThemSeeLove #เชื่อในคุณค่าความกตัญญู
อ้างอิง:
