ทายาทของ Samsung Group ได้วางหลักประกันเป็นหุ้นมูลค่ากว่า 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ (4.3 แสนล้านบาท) เพื่อซื้อเวลาในการจ่ายภาษีมรดก ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการวางหลักประกันใหญ่ที่สุดในโลก รองจาก แลร์รี เอลลิสัน ผู้ก่อตั้งบริษัท Oracle Corp.
เนื่องจาก อีกอนฮี ประธานของ Samsung Group เสียชีวิตลงเมื่อปีที่แล้ว และจากมรดกที่ตกทอดมาสู่รุ่นหลัง ส่งผลให้ต้องจ่ายภาษีเป็นมูลค่ามากกว่า 12 ล้านล้านวอน (3.3 แสนล้านบาท) ดังนั้นเหล่าทายาทจึงต้องวางหลักประกันไว้ที่ศาลก่อนที่จะหาเงินมาจ่าย โดยจะแบ่งชำระเป็น 6 งวด ในเวลา 5 ปี
ชุงซุนซุบ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทวิเคราะห์องค์กรอย่าง Chaebul.com ในกรุงโซลกล่าวว่า “นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับทายาท Samsung ในการจ่ายภาษีที่มหาศาลขนาดนี้ ทายาทกลุ่ม Samsung มีความสามารถในการจ่ายอยู่แล้ว แต่พวกเขาไม่อยากเสียอำนาจในความเป็นเจ้าของบริษัทไปจากการขายหุ้น ซึ่งวิธีนี้จะทำให้พวกเขายังมีสิทธิ์ในการออกเสียงในบริษัทเท่าเดิมอยู่”
วิธีวางหลักประกันนี้ถือเป็นวิธีที่ใช้กันเป็นปกติในหมู่คนรวยในเกาหลีใต้ เนื่องจากภาษีมรดกอาจสูงถึง 60% เลยทีเดียว ซึ่งการที่จะขอแบ่งชำระเป็นงวดๆ กฎหมายในเกาหลีใต้กำหนดให้วางหลักประกันมูลค่า 120% ของจำนวนเงินที่ต้องชำระ ซึ่งหากวางเป็นหุ้น มูลค่าจะถูกคำนวณด้วยราคาปิดของวันก่อนหน้าที่จะทำการตกลง
อีแจยง ทายาท Samsung Group ผู้ที่จะขึ้นนำ Samsung ต่อจากประธานคนก่อนหน้า มีการวางหลักประกันที่ศาลกว่า 1.07 พันล้านดอลลาร์ (3.5 แสนล้านบาท) ซึ่งคิดเป็น 96% ของหุ้นทั้งหมดที่เขาถืออยู่ใน Samsung C&T, Samsung Electronics และ Samsung SDS Co. ทางด้านฮงราฮี แม่ของเขา และโซฮยอน และบูจิน พี่สาวและน้องสาว ก็ได้วางหุ้นบางส่วนต่อศาลเพื่อเป็นหลักประกันเช่นกัน
ทั้งแม่และ 2 พี่สาวน้องสาว ได้วางหุ้นเป็นหลักประกันเป็นมูลค่า 2.6 พันล้านดอลลาร์ (8.6 หมื่นล้านบาท) เพื่อที่จะกู้เงินจากสถาบันการเงินอีกด้วย ซึ่งการวางหลักประกันเพื่อกู้เงินนั้นมีความเสี่ยงที่จะถูกบังคับขายหุ้นเมื่อราคาหุ้นตกลง หรือที่เรียกว่า ‘Margin Call’ ซึ่งจะส่งผลต่ออำนาจความเป็นเจ้าของและสิทธิ์ในการออกเสียงในที่ประชุมอีกด้วย
โดยในปีนี้หุ้น Samsung Electronics ร่วงลงถึง 7.7% ซึ่งถือเป็นการลดลงรายปีครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2018 สาเหตุหลักมาจากความกังวลเรื่องราคาที่ซบเซาของชิปหน่วยความจำ (Memory-Chip) แต่นักวิเคราะห์ยังคงมองว่าหุ้นจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ด้วยความต้องการชิปจากการใช้งานที่เพิ่มขึ้นของสมาร์ทโฟน, 5G และ AI ซึ่งคาดการณ์โดย มาซาฮิโร วาคาสึงิ นักวิเคราะห์ของ Bloomberg Intelligence
อีแจยง ผู้นำ Samsung คนต่อไป มีความมั่งคั่ง 8 พันล้านดอลลาร์ (2.67 แสนล้านบาท) ซึ่งเป็นมูลค่าหลังจากหักมูลค่าหุ้นที่ใช้เป็นหลักประกันไปแล้ว โดยก่อนหน้านี้ อีแจยง ถูกตัดสินจำคุกฐานติดสินบน และได้รับการปล่อยตัวไปเมื่อเดือนสิงหาคม และสูญเสียตำแหน่งบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของเกาหลีใต้ให้กับ ไบรอัน คิม จากบริษัท Kakao Corp.
ภาพ: Bloomberg/SeongJoon Cho/Pool/Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP