เกิดอะไรขึ้น:
ช่วงเย็นวานนี้ (22 พฤศจิกายน) บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ได้รายงานผลประกอบการ 4QFY64 (กรกฎาคม-กันยายน 2564) มีผลขาดทุนสุทธิที่ 5.2 พันล้านบาท แย่กว่าขาดทุนสุทธิ 3.7 พันล้านบาท ใน 4QFY63 และขาดทุนสุทธิ 4.1 พันล้านบาท ใน 3QFY64 เพราะถูกฉุดรั้งโดยรายการพิเศษที่ส่วนใหญ่เป็นขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ในท่าอากาศยานหาดใหญ่และท่าอาศยานเชียงราย
ซึ่งหากตัดรายการพิเศษนี้ออกไป AOT จะมีผลขาดทุนปกติที่ 4.2 พันล้านบาท แย่ลงทั้ง YoY และ QoQ (เป็นไปตามที่ตลาดคาด) โดยมีสาเหตุมาจากการดำเนินงานที่อ่อนแอลง จากการที่แทบจะไม่มีจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศใช้บริการ และค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจากการนำมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 16 มาใช้
ใน 4QFY64 AOT รายงานจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด 1.0 ล้านคน ลดลง 87%YoY และลดลง 69%QoQ ซึ่งประกอบด้วยผู้โดยสารระหว่างประเทศ 308,000 คน (เพิ่มขึ้น 60%YoY และเพิ่มขึ้น 28%QoQ แต่คิดเป็นสัดส่วนเพียง 1% ของระดับก่อนโควิดระบาด) และผู้โดยสารภายในประเทศ 685,000 คน (ลดลง 91%YoY และลดลง 77%QoQ) เพราะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมาตรการจำกัดการเดินทางสืบเนื่องมาจากการระบาดระลอก 3 ของโควิด
โดยตลอดทั้งปี FY2564 (ตุลาคม 2563 ถึง กันยายน 2564) AOT มีผลขาดทุนสุทธิที่ 1.63 หมื่นล้านบาท และหากตัดรายการพิเศษออกไป ขาดทุนปกติจะอยู่ที่ 1.53 หมื่นล้านบาท พลิกจากกำไรปกติที่ 5.2 พันล้านบาทในปี FY2563
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (23 พฤศจิกายน) ราคาหุ้น AOT ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย 0.38%DoD สู่ระดับ 66.75 บาท
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดว่าผลประกอบการ AOT จะขาดทุนลดลง QoQ (แต่ทรงตัว YoY) ใน 1QFY65 (ตุลาคม-ธันวาคม 2564) โดยได้รับการสนับสนุนจากการกลับมาเดินทางภายในประเทศและจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากประเทศไทยเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2564 จำนวนผู้โดยสารในประเทศอยู่ที่ระดับ ~37% ของระดับก่อนโควิดระบาด เทียบกับ 5% ใน 4QFY64 และจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศอยู่ที่ ~2% ของระดับก่อนโควิด เทียบกับ 1% ใน 4QFY64
มุมมองระยะยาว:
SCBS มองว่าจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการของ AOT ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากผู้โดยสารระหว่างประเทศคิดเป็นสัดส่วน ~90% ของรายได้ก่อนโควิดระบาด โดย SCBS ยังคงสมมติฐานจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศไว้ที่ 9 ล้านคนในปี FY2565 (ดีขึ้นจาก 0.9 ล้านคนในปี FY2564) จากนั้นจะเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดสู่ 50 ล้านคนในปี FY2566 โดยได้รับการสนับสนุนจากโรดแมปการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของประเทศไทย
ทั้งนี้ SCBS คาดว่า AOT จะประกาศรายละเอียดโครงการพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่มีศักยภาพในปี FY2565 หลังจากแก้ไขข้อตกลงเกี่ยวกับระยะเวลาการใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุเสร็จใน 1QFY65
