หลังจากที่ผู้กำกับ Zack Snyder ได้เปิดตัวจักรวาลซอมบี้ของตัวเองไปแล้วในภาพยนตร์ Army of the Dead ที่เข้าฉายทาง Netflix ไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา พร้อมประกาศว่าจะขยายจักรวาลนี้ให้ใหญ่ขึ้น ด้วยการสร้างเรื่องราวภาคแยกออกมาอีกอย่างน้อย 2 เรื่อง คือ แอนิเมชันซีรีส์เรื่อง Army of the Dead: Lost Vegas และภาพยนตร์ Army of Thieves ที่เพิ่งจะเข้าฉายอย่างเป็นทางการไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับ Army of Thieves ทาง Zack Snyder ได้ส่งไม้ต่อให้ Matthias Schweighöfer หนึ่งในนักแสดงนำจาก Army of the Dead ผู้สวมบทเป็น ดีเทอร์ หนุ่มเนิร์ดผู้หลงใหลในตู้เซฟ มานั่งแท่นผู้กำกับเอง แสดงเอง ซึ่งนับว่าเป็นภาค Prequel เพื่อบอกเล่าเรื่องราวก่อนหน้าที่ดีเทอร์จะมาร่วมทีมฝ่าซอมบี้ในภาคหลัก โดยได้ Nathalie Emmanuel นักแสดงสาวจาก Furious 7 (2015) และซีรีส์ Game of Thrones มาร่วมทัพนักแสดงนำในครั้งนี้
Army of Thieves บอกเล่าเรื่องของ ดีเทอร์ (Matthias Schweighöfer) ในช่วงเวลาที่เขายังเป็นเพียงพนักงานธนาคารธรรมดาๆ ดำเนินชีวิตประจำวันไปอย่างไร้สีสัน จนกระทั่งวันหนึ่งดีเทอร์ได้มาพบกับ เกว็น (Nathalie Emmanuel) อาชญากรสาวที่รับรู้ถึงความสามารถในการเจาะตู้เซฟของดีเทอร์ เธอจึงชวนดีเทอร์ให้มาร่วมทีมเพื่อปล้นตู้เซฟเก่าแก่จำนวน 3 ตู้ ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นเส้นทางอาชญากรของดีเทอร์ ที่จะเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล
Army of Thieves ค่อนข้างจะเป็นผลงานที่ดำเนินเรื่องตามขนบของภาพยนตร์แนวโจรกรรมที่หลายคนคุ้นเคย เริ่มต้นด้วยการเปิดเรื่องให้ผู้ชมรู้จักพื้นเพของตัวละครหลักอย่างดีเทอร์ และฝีไม้ลายมือการเจาะตู้เซฟของเขา ก่อนจะพาผู้ชมไปรู้จักกับทีมปล้นที่จะต้องมีทั้งแฮ็กเกอร์สุดฉลาด ชายฉกรรจ์ร่างยักษ์ นักขับรถมือฉมัง มีฉากวางแผนการปล้น ฉากความผิดพลาดในระหว่างการปล้น ฯลฯ
แม้ว่า Army of Thieves จะดำเนินเรื่องตามขนบเดิมๆ ก็ตาม แต่จุดที่น่าสนใจมากๆ ของภาพยนตร์เรื่องนี้คือ กลวิธีนำเสนอของ Matthias Schweighöfer และทีมสร้างที่ปรุงแต่งเรื่องราวการปล้นธนาคารไปพร้อมๆ กับการฉายประวัติศาสตร์ของผู้สร้างตู้เซฟในตำนานได้อย่างสนุกสนานชวนติดตาม
ไล่ตั้งแต่ลีลาการเล่าที่พลิกแพลงไปมา เล่าสลับอดีตกับปัจจุบันได้อย่างมีชั้นเชิง งานวิชวลเอฟเฟกต์ต่างๆ ที่เข้ามาช่วยสร้างสีสันและเสริมให้ผู้ชมรู้สึกลุ้นระทึกไปกับการเจาะตู้เซฟ ฉากแอ็กชันที่ไม่ได้ถูกใส่เข้ามาเยอะ แต่ก็สร้างความสนุกสนานให้ผู้ชมได้ดีไม่น้อย รวมถึงการออกแบบคาแรกเตอร์ของทีมปล้นธนาคารที่ดึงดูดสายตาของผู้ชมได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ตัวภาพยนตร์ยังเชื่อมโยงเหตุการณ์ซอมบี้อาละวาดใน Army of the Dead มารวมกับเนื้อหาในภาคนี้ได้อย่างสมเหตุสมผล และเสริมให้การตัดสินใจของตัวละครมีความหนักแน่นมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ขณะเดียวกัน Army of Thieves ก็มีจุดด้อยอยู่หลายจุดเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะฉากการเจาะตู้เซฟของดีเทอร์ที่ถูกปูมาตั้งแต่ต้นว่าเป็นตู้เซฟที่มีระบบนิรภัยอันซับซ้อน แต่ตัวละครกลับสามารถเจาะมันได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไรนัก รวมถึงปมขัดแย้งระหว่างตัวละครภายในเรื่องที่น่าสนใจมากๆ แต่ภาพยนตร์กลับคลี่คลายปมขัดแย้งเหล่านั้นอย่างเรียบง่ายไปเสียหน่อย
ในภาพรวมแล้ว Army of Thieves นับว่าเป็นการต่อยอดเรื่องราวจาก Army of the Dead ซึ่งเป็นภาพยนตร์หนีซอมบี้ผสมกับโจรกรรม ให้กลายเป็นภาพยนตร์โจรกรรมแบบเต็มตัวได้อย่างน่าสนใจ และแม้ว่าในแง่ของเนื้อเรื่องจะมีจุดด้อยที่กวนใจเราอยู่บ้าง แต่ตัวภาพยนตร์ก็ยังคงทำหน้าที่สร้างความสนุกสนานให้แก่ผู้ชมได้เป็นอย่างดี
รับชมตัวอย่างได้ที่นี่
ภาพ: Netflix