วันนี้ (29 ตุลาคม) นพ.กิตติพันธุ์ ฉลอม ผู้ช่วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงกรณีข้อมูลเกี่ยวกับการพบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์อัลฟาพลัส ที่พบในเรือนจำกลางเชียงใหม่ว่า ข้อมูลที่ได้จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เรื่องผลการตรวจสายพันธุ์แล้วพบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในสายพันธุ์ที่เป็นอัลฟาพลัส ซึ่งมีการกลายพันธุ์ในจังหวัดเชียงใหม่จำนวน 2 ราย โดยข้อมูลทั้ง 2 รายนี้ได้มีการส่งตรวจอย่างละเอียดเพื่อหาสารพันธุกรรม ซึ่งผู้ติดเชื้อทั้ง 2 รายเป็นผู้ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำกลางเชียงใหม่ที่เคยมีการระบาดในช่วงเดือนพฤษภาคมของปีนี้
“ผู้ต้องขังรายแรกที่ทำให้เกิดการติดเชื้อมาอีกครั้ง เป็นผู้ต้องขังที่เคยติดเชื้อเดิมในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากที่ได้รักษาจนอาการดีขึ้นก็ถูกให้กลับไปใช้ชีวิตเดิมในเรือนจำ ประเด็นคือ ผู้ติดเชื้อคนนี้มีโรคประจำตัวเป็นภูมิคุ้มกันบกพร่อง โดยหลักฐานทางวิชาการอื่นๆ ก็จะพบว่า ในกลุ่มผู้ติดเชื้อที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง มีโอกาสที่จะกำจัดเชื้อได้อาจจะไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เหมือนผู้ติดเชื้อที่แข็งแรง ทำให้ผู้ติดเชื้อรายนี้มีอาการแย่ลงอีกครั้ง ผ่านไป 2-3 เดือน ในช่วงประมาณเดือนกันยายน ผู้ที่ติดเชื้อคนนี้มีอาการทางเดินหายใจกลับมาอีกครั้ง ร่วมกับมีอาการติดเชื้อและก็ตรวจพบวัณโรคปอดร่วมด้วย” นพ.กิตติพันธุ์ กล่าว
นพ.กิตติพันธุ์ กล่าวต่อไปว่า ในระหว่างที่ได้มีการดูแลผู้ติดเชื้อรายนี้อีกครั้ง พบว่ามีผู้ต้องขังที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อรายนี้ที่เป็นผู้ช่วยเหลือดูแลในแดนที่เป็นสถานพยาบาลของเรือนจำ มีการติดเชื้อเพิ่มเติม ซึ่งแนวทางของจังหวัดจะมีการส่งตรวจเพื่อหาสารพันธุกรรมแบบละเอียดในกลุ่มที่มีการติดเชื้อ ในกรณีที่มีการติดเชื้อลักษณะของการติดเชื้อซ้ำ ซึ่งผลการตรวจเบื้องต้นพบว่า เป็นสายพันธุ์อัลฟา ก็คือ เชื้อตัวเดิมกับที่เคยมีการระบาดมาในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หากแต่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1 เชียงใหม่ ได้มีการส่งตัวอย่างเพื่อไปตรวจละเอียด เรียกว่า การตรวจหาสายพันธุ์ทั้งเส้นทั้งสาย หรือ Whole Genome Sequencing (WGS) ซึ่งผลการตรวจพบว่า มีตำแหน่งกลายพันธุ์บนเชื้อที่เป็นสายพันธุ์อัลฟา (เดิม) ในตำแหน่ง E484K จึงมีการเรียกชื่อแบบง่ายๆ ว่าอัลฟาพลัส ซึ่งมีตำแหน่งกลายพันธุ์ในบางส่วนของยีน
“จากการสอบสวนโรคได้พบว่า ผู้ติดเชื้อในกลุ่มนี้ที่ได้มีการตรวจพบอัลฟาพลัส ซึ่งมีเพียง 2 ราย ไม่ได้มีประวัติเดินทางหรือว่าไปสัมผัสกับผู้ติดเชื้อที่อื่น หลักๆ คือ เกิดจากการกลายพันธุ์ของเชื้อที่ผู้ติดเชื้อมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ไม่สามารถจะกำจัดเชื้อออกไปได้ทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ ก็อาจจะมีการติดเชื้อที่เรื้อรังและยาวนานกว่าผู้อื่น เพราะฉะนั้นก็เลยมีตำแหน่งที่เกิดการกลายพันธุ์เกิดขึ้น” นพ.กิตติพันธุ์ กล่าว
นพ.กิตติพันธุ์ กล่าวอีกด้วยว่า ในส่วนของการดำเนินการตรวจเพื่อหาสายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของในจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการตรวจอย่างต่อเนื่อง มีการส่งตรวจตามแนวทางที่ทางกรมควบคุมโรค กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้วางไว้ และสายพันธุ์ที่พบในช่วงนี้ก็ยังคงเป็นสายพันธุ์เดลตา ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักที่พบระบาดในทุกพื้นที่ในประเทศไทย ยังไม่พบว่ามีการกลายพันธุ์หรือว่าตรวจพบสายพันธุ์ที่เป็นเดลตาพลัสที่กำลังกังวลกันและก็เฝ้าระวังกันเฉพาะ
“หลักๆ คงนำเรียนข้อมูลให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบเพื่อจะได้ทราบถึงที่มาที่ไปแล้วจะได้ไม่วิตกกังวล แต่ก็ต้องเรียนว่า เรายังคงติดตามแล้วเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง หากว่ามีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้น หรือตรวจเจอการกลายพันธุ์ หรือว่าลักษณะที่จะมีผลในการที่จะต้องวางแผนอะไรเพิ่มเติม ก็จะรายงานข้อมูลเพิ่มเติมให้ทราบอีกครั้ง ทั้งนี้ในส่วนบุคคลยังคงต้องช่วยกันในการที่จะป้องกันตัวเอง ในช่วงนี้จังหวัดเชียงใหม่ยังคงมีการระบาดต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นมาตรการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การเว้นระยะห่าง การปิดหน้ากาก การล้างมือ หรือที่เราเรียกว่าเป็น ‘Universal Prevention หรือการป้องกันแบบครอบจักรวาล’ ก็ยังต้องขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนทุกท่านในการควบคุมอย่างเคร่งครัด เพื่อที่จะลดการแพร่ระบาดในจังหวัดเชียงใหม่ได้” นพ.กิตติพันธุ์ กล่าวทิ้งท้าย