เมื่อวานนี้ (27 ตุลาคม) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กในประเด็นการเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดโรงเรียน โดยระบุว่า เปิดเรียนตามยถากรรมเพราะรัฐบาลไม่มีการเตรียมพร้อม: เมื่อเปิดโรงเรียนไม่ได้ก็เปิดเศรษฐกิจไม่ได้
โดยพิธาอ้างอิงรายงานข่าวที่กรุงเทพมหานครได้ออกมาเปิดเผยรายชื่อโรงเรียนที่มีความพร้อมที่จะเปิดได้ตามหลักเกณฑ์ของมาตรการป้องกันโควิด ซึ่งพบว่าใน 30 เขตของ กทม. ที่มีโรงเรียนทั้งหมดหลายร้อยโรงเรียน กลับมีจำนวนเพียง 63 โรงเรียนเท่านั้นที่มีความพร้อม และเกือบทั้งหมดเป็นโรงเรียนนานาชาติ
“แน่นอนว่าโรงเรียนนานาชาตินั้นเป็นโรงเรียนเอกชนที่มีค่าเล่าเรียนที่สูงกว่ามากเมื่อเทียบกับโรงเรียนอื่นๆ รวมถึงอาจจะมีการบริหารที่มีอิสระกว่า จึงไม่น่าแปลกใจที่โรงเรียนนานาชาติเหล่านี้ จะสามารถเตรียมความพร้อมเพื่อที่จะกลับมาเปิดได้อย่างรวดเร็ว
“แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ โรงเรียนของรัฐในกรุงเทพฯ ที่ลูกหลานส่วนมากของเราเรียนอยู่ แต่ไม่ว่าโรงเรียนนั้นจะอยู่ใต้การบริหารของหน่วยงานใด กลับมีความพร้อมน้อยมากๆ ซึ่งหมายถึง จำนวนนักเรียนที่จะได้ไปโรงเรียนในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ก็มีน้อยมากเช่นกัน
“อย่างที่ทุกคนทราบดีว่าเราอยู่กับโควิดมาเกือบ 2 ปีเต็มแล้ว รัฐบาลซึ่งมีทั้งเงิน มีทั้งอำนาจ มีทั้งเวลาและข้อมูลมากมาย ที่จะสำนึกได้ว่าต้องมีการเตรียมพร้อมและใช้ทรัพยากรเพื่อยกระดับโรงเรียน ให้สามารถเปิดได้ตามหลักเกณฑ์ของกระทรวง แต่ผ่านไปเกือบ 2 ปี ใช้ทั้งเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ใช้ทั้งงบประมาณประจำปีไปแล้วมากมาย ก็ยังไม่สามารถที่จะยกระดับให้โรงเรียนเปิดได้ ราวกับว่าไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะเปิดโรงเรียนได้ ต้องมีการเตรียมพร้อมอย่างไร นี่ยังไม่ได้นับรวมอัตราการฉีดวัคซีนในเด็กที่ยังทำได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งด้วย
“เมื่อไม่มีการเตรียมพร้อมล่วงหน้าจากรัฐบาล ที่ต้องทั้งแจ้งทางผู้เกี่ยวข้องและเข้ามาช่วยเตรียมความพร้อม ผมก็ไม่ทราบว่าเมื่อไรโรงเรียนถึงจะพร้อมกลับมาเปิดเพื่อให้ลูกหลานของเราได้กลับไปเรียนอีกครั้ง เมื่อเปิดโรงเรียนไม่ได้ พ่อแม่ผู้ปกครองยังต้องดูแลลูกหลานอยู่ที่บ้าน ประเทศของเราก็จะไม่สามารถเปิดเศรษฐกิจได้อย่างที่ควรจะเป็นครับ”
ขณะที่ล่าสุดวันนี้ (28 ตุลาคม) ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบโต้โพสต์ดังกล่าวของพิธา โดยระบุว่า ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้พูดอย่างชัดเจนแล้วว่า การเตรียมพร้อมเปิดภาคเรียนที่ 2 นั้นได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจความพร้อมการเปิดเรียนรูปแบบ On Site ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ของสถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยได้วางแผนร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข มีรายละเอียดการเปิดเรียนในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้สถานศึกษาไปปฏิบัติตาม
นอกจากนี้ขณะนี้กำลังเร่งผลักดันให้ครูได้รับวัคซีนให้มากที่สุดอีกด้วย ดังนั้น การเปิดเรียนในวันที่ 1 พฤศจิกายนจะเปิดเรียนในรูปแบบไหนนั้นจึงขึ้นอยู่กับความปลอดภัยของแต่ละพื้นที่ด้วย ซึ่งจะเห็นได้ว่ารัฐบาลมีการเตรียมความพร้อมล่วงหน้า ไม่ได้เปิดเรียนตามยถากรรมแต่อย่างใด
“ประเทศไทยจะเปิดเศรษฐกิจได้เร็วกว่านี้ ถ้าฝ่ายค้านทำหน้าที่ของฝ่ายค้านอย่างที่ควรจะเป็น เสนอแนะ ให้ความเห็นด้วยข้อเท็จจริงอย่างมีเหตุผล ไม่ใช่ค้านไปเสียทุกเรื่อง แต่กลับไม่เคยออกมาคัดค้านการชุมนุมของคนบางกลุ่มที่ทำลายทรัพย์สินราชการจนเสียหายสักครั้ง หากวันนี้ฝ่ายค้านทบทวนตัวเอง แล้วกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองในสภา ผมเชื่อว่าเราจะสามารถพลิกฟื้นประเทศไทยได้อย่างแน่นอน” ธนกร กล่าว