เกิดอะไรขึ้น:
SCBS ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 3Q64 ของ บมจ.ศุภาลัย (SPALI) ซึ่งคาดว่าจะประกาศในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้น SPALI ปรับตัวขึ้น 12.2%MoM สู่ระดับ 23.00 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 27 ตุลาคม 2564) โดยได้แรงหนุนจากการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดว่า SPALI จะรายงานกำไรสุทธิ 3Q64 ที่ 1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 49%YoY แต่ลดลง 1.8%QoQ โดยรายได้จะอยู่ที่ 7.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 26%YoY และเพิ่มขึ้น 4%QoQ แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากโครงการแนวราบที่ 47% และคอนโดที่ 53% โดยใน 3Q64 มีคอนโด 1 โครงการที่เริ่มโอนตามกำหนดคือ ศุภาลัย เวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญ มูลค่าโครงการ 4.5 พันล้านบาท ซึ่งขายได้แล้ว 80%
ด้านอัตรากำไรขั้นต้น 3Q64 จะอยู่ที่ระดับ 40.3% ใกล้เคียงกับ 2Q64 ที่ 40.2% แต่เพิ่มขึ้นจาก 36.6% ใน 3Q63 โดยมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงในสัดส่วนผลิตภัณฑ์ ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ JV ในออสเตรเลียจะอยู่ที่ 128 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42%YoY แต่ลดลง 36%QoQ
สำหรับแนวโน้มกำไร 4Q64 ของ SPALI SCBS คาดว่าจะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ และเป็นจุดสูงสุดของปีนี้ โดยได้รับการสนับสนุนจาก Backlog ที่แข็งแกร่ง โดยปัจจุบัน SPALI มี Backlog มูลค่า 3.28 หมื่นล้านบาท ซึ่ง 30% จะรับรู้เป็นรายได้ใน 4Q64
มุมมองระยะยาว:
สำหรับปี 2565 SPALI มี Secured Revenue แล้วที่ 49% ทำให้ SCBS คาดว่า SPALI จะทำรายได้ถึงระดับที่ 2.88 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.3%YoY และกำไรสุทธิจะทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้งที่ 6.38 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3% YoY นอกจากนี้การผ่อนคลายเพดาน LTV จะส่งผลให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อลดลงจนถึงสิ้นปี 2565
โดยข้อมูลลูกค้าของ SPALI พบว่าลูกค้าที่ขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย 80% เป็นการกู้ซื้อบ้านหลังแรก และ 20% เป็นการกู้ซื้อบ้านหลังที่สองขึ้นไป โดยฐานลูกค้ากว่า 80% มีการใช้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย