สมัยก่อนการที่นางแบบสักคนจะได้ขึ้นปกนิตยสาร เดินแบบให้แบรนด์ดัง หรือเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าต่างๆ นอกจากหน้าตาสะสวยแล้ว แน่นอนว่าต้องมีหุ่นผอมเพรียว แต่สำหรับโลกยุคใหม่ที่เปิดรับความหลากหลายนั้นไม่ใช่ เพราะปัจจุบันเริ่มมีนางแบบหุ่นพลัสไซส์เข้ามามีบทบาททั้งในวงการบันเทิง แฟชั่น และบิวตี้มากขึ้น ซึ่ง Ashley Graham เป็นหนึ่งคนที่มีส่วนช่วยขับเคลื่อนประเด็นนี้มาตลอด
Ashley Graham เกิดเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 1987 เติบโตขึ้นในเมืองลินคอล์น รัฐเนบราสกา สมัยเด็กๆ เคยถูกหมอวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมาธิสั้นและมีความบกพร่องด้านการอ่านหนังสือ ตอนอายุ 12 เธอถูกค้นพบโดยเอเจนซี I & I ระหว่างเดินเล่น ณ ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งภายหลังมีโอกาสได้ถ่ายงานโฆษณาพร้อมเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่นางแบบมืออาชีพต้องมี
กระทั่งปี 2001 เธอได้เซ็นสัญญากับเอเจนซีชื่อดังอย่าง Wihelmina Models แต่สองปีหลังจากนั้นก็ย้ายสังกัดไปอยู่กับ Ford Models ก่อนจะได้ปรากฏตัวในนิตยสาร YM Magazine และ Glamour เล่มที่ชูคอนเซปต์ ‘These Bodies are Beautiful at Every Size’ เคียงข้างนางแบบหุ่นพลัสไซส์หลายคน
นับตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา อาชีพนางแบบของ Ashley ก็ก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ เธอได้ขึ้นปกนิตยสารหัวใหญ่มากมาย เช่น Vogue, Elle, Harper’s Bazaar ฯลฯ และได้เดินแฟชั่นโชว์ให้หลายแบรนด์ดัง โดยเฉพาะ Michael Kors คอลเล็กชัน Spring/Summer 2018 ที่ถือเป็นหนึ่งในผลงานที่โดดเด่นสุดของเธอ
นอกจากนี้ Ashley ยังได้โชว์ความสามารถด้านอื่นๆ ทั้งออกแบบชุดชั้นในให้ Additional Elle ร้านขายปลีกเสื้อผ้าพลัสไซส์สัญชาติแคนาดา เป็นโค้ชผู้คอยให้คำแนะนำเหล่านางแบบหุ่นพลัสไซส์ใน Made (2003-2014) รายการประกวดความสามารถของช่อง MTV รวมถึงเป็นกรรมการตัดสินในรายการเฟ้นหานางแบบชื่อดังอย่าง America’s Next Top Model
หากจะพูดว่า Ashley Graham คือหนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญเรื่องความหลากหลายและกระแส Body Positivity ของสังคมก็คงไม่ผิดนัก เพราะหลายสิ่งที่เธอทำ อาทิ ขึ้นพูดบนเวที Ted Talk เมื่อปี 2015, การเป็นนางแบบพลัสไซส์คนแรกที่ขึ้นปกนิตยสาร Vogue, ออกหนังสือ A New Model: What Confidence, Beauty, and Power Really Look Like (2017) นั้นต่างสร้างแรงบันดาลใจสนับสนุนให้หญิงสาวทั่วโลกโอบกอดร่างกายตัวเอง ทั้งยังช่วยนิยามความสวยแบบใหม่ๆ ที่ไม่ได้ยึดติดกับหุ่นผอมเพรียวอย่างเดียวเท่านั้น
ภาพ: Gotham / GC Images