ฟูมิโอะ คิชิดะ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ ขึ้นแท่นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น หลังได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งหัวหน้าหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ในวันนี้ เพื่อสืบทอดตำแหน่งต่อจากนายกรัฐมนตรี โยชิฮิเดะ ซูงะ
คิชิดะจะได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการในการประชุมสภาไดเอทหรือรัฐสภาญี่ปุ่น นัดพิเศษในวันจันทร์หน้า ทั้งนี้เนื่องจากพรรค LDP ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร จึงเป็นหลักประกันว่า หัวหน้าพรรค LDP จะได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยหลังจากดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการแล้ว คิชิดะจะแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีในทันที
สำหรับการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค LDP ในวันนี้นั้น คิชิดะมีคะแนนเป็นที่ 1 ในการเลือกตั้งรอบแรก แต่เนื่องจากคะแนนไม่ถึงเกณฑ์เสียงข้างมากที่กำหนดไว้ จึงต้องมีการแข่งขันกันต่อในรอบที่สอง ซึ่งเป็นการดวลกันแบบตัวต่อตัวระหว่าง คิชิดะ กับอันดับ 2 ในรอบแรกอย่าง ทาโร โคโนะ ซึ่งติดอันดับ 1 ในโพลสำรวจผู้ที่ประชาชนต้องการให้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยผลปรากฏว่าในรอบสองนี้ คิชิดะเอาชนะโคโนะไปได้ด้วยคะแนน 257 ต่อ 170
ทั้งนี้คิชิดะเคยเป็นคู่ชิงของ ซูงะ ในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค LDP เมื่อปีที่แล้ว เพื่อหาผู้ที่จะดำรงตำแหน่งแทนอาเบะ ซึ่งในเวลานั้นอาเบะหนุนหลังซูงะ แม้ที่ผ่านมาก่อนหน้านั้นอาเบะเล็งคิชิดะให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งทางการเมืองก็ตาม
แม้ว่าการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคจะทำให้คิชิดะเป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่โดยทั่วไปแล้วชื่อเสียงของคิชิดะยังอยู่ในระดับปานกลาง ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่าเขาจะสามารถเอาชนะใจประชาชนในฐานะหัวหน้าพรรค LDP ได้ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้หรือไม่
ทั้งพรรค LDP และประชาชนจะกลั่นกรองความสามารถของคิชิดะในฐานะผู้นำที่น่าเชื่อถือที่จะสามารถรักษาเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งทำให้สมาชิกพรรคและประชาชนเกิดความรู้สึกมั่นคงทางการเมืองในเวลาที่ประเทศกำลังต่อสู้กับการระบาดใหญ่ของโควิด และภัยคุกคามด้านความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นจากเกาหลีเหนือและจีน
คิชิดะเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศในระหว่างปี 2012-2017 ซึ่งผลงานหนึ่งในช่วงเวลานั้นคือ การประสานงานการเดินทางเยือนฮิโรชิม่าของประธานาธิบดีบารัก โอบามา โดยฮิโรชิม่าเป็นเขตเลือกตั้งของคิชิดะ นอกจากนี้เขายังมีบทบาทในการทำข้อตกลงระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้เกี่ยวกับ ‘หญิงบำเรอ’ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย
ในด้านของเศรษฐกิจ คิชิดะประกาศว่าจะเปลี่ยนนโยบายเศรษฐกิจจากนโยบายแบบเสรีนิยมใหม่ (Neoliberal) ซึ่งเขามองว่าทำให้ช่องว่างระหว่างคนรวย-คนจนขยายกว้างขึ้น โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโควิด
ภาพ: Du Xiaoyi – Pool / Getty Images
อ้างอิง: