วันนี้ (15 สิงหาคม) สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) กล่าวว่า ภายหลังจากที่ตนได้สั่งการให้ทุกเรือนจำทั่วประเทศดำเนินการเพาะชำต้นกล้าและเร่งปลูกฟ้าทะลายโจรในพื้นที่ว่างของแต่ละเรือนจำ เพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตมาทำเป็นยารักษาโรคโควิด ซึ่งในอีกไม่นานจะได้ผลผลิตจำนวนมาก แต่ในช่วงนี้อาจจะยังมีไม่มากพอ ซึ่งเราก็ได้ใช้การผลิตด้วยมือในการนำแม่พิมพ์มาอัดใส่แคปซูล ภายในเดือนนี้กรมราชทัณฑ์จะผลิตได้ประมาณ 4 ล้านเม็ด แต่หากวันข้างหน้าเมื่อมีฟ้าทะลายโจรมากพอ การผลิตด้วยมืออาจจะทำไม่ทัน รวมถึงการขาดแคลนแคปซูลที่จะนำมาบรรจุผง ซึ่งในขณะนี้มีไม่เพียงพอต่อความต้องการและราคายังพุ่งสูงขึ้นมากอีกด้วย ตนจึงคิดแผนสำรอง ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ซ่อมเครื่องปั๊มยาบ้าที่ยึดมาได้จากกลุ่มพ่อค้ายา โดยตนได้เห็นเครื่องดังกล่าวอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ของ ป.ป.ส. จึงคิดว่าน่าจะมีประโยชน์ นำมาประยุกต์เปลี่ยนหัวให้ได้ 500 มิลลิกรัม ซึ่งเครื่องดังกล่าว เป็นเครื่องโรตารี ชนิด 19 หัวตอก 1 ชั่วโมง จะสามารถผลิตได้ 20,000 เม็ดโดยประมาณ มีอยู่ 1 เครื่อง โดยในวันที่ 16 สิงหาคม จะซ่อมเสร็จและจะทดลองเดินเครื่องโดยใช้ตัวตอกเดิมก่อน จากนั้นหัวตอกใหม่ที่เป็นตรา ‘ยธ’ จะมาในวันที่ 20 สิงหาคม
“เราต้องเตรียมความพร้อมล่วงหน้าในการรับมือกับปัญหาต่างๆ ขณะนี้ทุกคนยอมรับว่ายาฟ้าทะลายโจรสามารถรักษาโควิดได้ ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาด ซึ่งผงฟ้าทะลายโจรราคาอาจจะสูงถึงกิโลกรัมละ 1,000 บาท แต่หลายหน่วยงานรวมทั้งกระทรวงยุติธรรมได้เพาะและปลูกจำนวนมาก ซึ่งอีกไม่นานก็จะโตเต็มที่พร้อมใช้งานนำมาบดเป็นผงยาได้ และเมื่อมีผลผลิตเป็นวัตถุดิบจำนวนมาก แคปซูลที่จะนำมาบรรจุผงอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการ หายาก และราคาแพงกว่าเดิมหลายเท่า ผมจึงให้ ป.ป.ส. ซ่อมเครื่องปั๊มยาบ้าที่ตั้งโชว์ที่พิพิธภัณฑ์ เปลี่ยนหัวตอกใหม่ใช้ตรา ยธ. ให้รู้ที่มาว่าเราผลิต เพื่อป้องกันการปลอมปนออกมา ซึ่งวันหนึ่งผลิตได้หลายแสนเม็ด จะทำให้เพียงพอต่อการใช้ในเรือนจำ และอาจจะสามารถแจกจ่ายให้ประชาชนได้ รวมทั้งอาจจะสามารถช่วยชาวบ้านผลิตไว้ใช้ได้อีกด้วย” สมศักดิ์กล่าว