เกิดอะไรขึ้น:
SCBS ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 2Q64 ของ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ซึ่งคาดว่าจะประกาศในวันที่ 11 สิงหาคม 2564
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น BEM ปรับตัวลง 3.7%MoM สู่ระดับ 7.85 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวลง 2.4%MoM สู่ระดับ 1,540.51 จุด (ข้อมูล ณ วันที่ 3 สิงหาคม 2564)
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดว่า BEM จะรายงานกำไรสุทธิ 2Q64 ที่ 113 ล้านบาท ลดลง 63%YoY และลดลง 26%QoQ แม้จะไม่มีการล็อกดาวน์ใน 2Q64 และจุดต่ำสุดยังสูงกว่าเดือนเมษายน 2563 แต่การระบาดหลายระลอกของโควิดจะส่งผลกระทบต่อปริมาณจราจรใน 2Q64
โดยปริมาณจราจรบนทางด่วน 2Q64 ลดลง 19.8%QoQ และ 4.2%YoY สู่ระดับ 70.1 ล้านเที่ยว ซึ่งรายได้จากธุรกิจทางด่วน 2Q64 จะอยู่ที่ระดับ 1.5 พันล้านบาท ลดลง 22.6%QoQ และลดลง 3.7%YoY
ขณะที่จำนวนผู้โดยสาร MRT สายสีน้ำเงิน 2Q64 อยู่ที่ 10.8 ล้านเที่ยวลดลง 43.8%QoQ และ 10.7%YoY หากรวมรายได้ O&M สำหรับสายสีม่วง รายได้จากธุรกิจระบบรางจะอยู่ที่ 800 ล้านบาท ลดลง 21.8%QoQ และลดลง 1.9%YoY โดยค่าใช้จ่ายการดำเนินงานไม่รวมค่าเสื่อมราคาจะอยู่ที่ระดับค่อนข้างทรงตัว QoQ
ทั้งนี้ คาดว่า BEM จะบันทึกรายได้เงินปันผลจาก TTW และ CKP จำนวน 270 ล้านบาท ซึ่งช่วยชดเชยผลกระทบจากปริมาณจราจรที่ลดลง
SCBS มองว่า การล็อกดาวน์กรุงเทพฯ ในเดือนกรกฎาคม จะกระทบต่อปริมาณการจราจรบนทางด่วนและจำนวนผู้โดยสาร MRT แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวจะไม่ต่ำกว่าระดับในเดือนเมษายน 2563 เนื่องจากประชาชนมีความเข้าใจและรับมือกับสถานการณ์ได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ SCBS เชื่อว่า ตัวเลขดังกล่าวจะฟื้นตัวดีขึ้นในเดือนกันยายน โดยอิงจากอัตราการฉีดวัคซีนในกรุงเทพที่ระดับ 70% ภายในกลางเดือนสิงหาคม และต้องใช้เวลาก่อนที่กิจกรรมทางธุรกิจจะปรับตัวดีขึ้น
มุมมองระยะยาว:
ในระยะยาว SCBS คาดว่า แนวโน้มธุรกิจทางด่วนจะเติบโตอย่างจำกัด เนื่องจากบริษัทไม่มีแผนขยายการลงทุนในทางด่วนสายใหม่ และปริมาณการจราบนทางด่วนอยู่ในจุดที่อิ่มตัวแล้ว สำหรับ MRT แนวโน้มธุรกิจยังอยู่ในช่วงเติบโต แม้ระยะสั้นจะได้รับผลกระทบจากโควิด แต่ในระยะยาวได้ปัจจัยหนุนจากการขยายเส้นทางเดินรถไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งช่วยให้จำนวนผู้โดยสารโดยรวมในระบบรถไฟฟ้าปรับตัวเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ SCBS เชื่อว่า ประชาชนจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปโดยหันมาใช้บริการรถไฟฟ้ามากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรติดขัด
สำหรับปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อธุรกิจของ BEM ที่ต้องติดตามคือ เทรนด์การทำงานที่บ้าน ซึ่งจะกระทบต่อปริมาณการจราจรบนทางด่วนและจำนวนผู้โดยสาร MRT ในระยะยาว