วันนี้ (20 กรกฎาคม) อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า นายกรัฐมนตรีได้หารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยมีความเห็นร่วมกันว่า รัฐมนตรีมีความสมควรเหมาะสมที่จะต้องลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนในปัจจุบันที่มีประเด็นเรื่องการติดเชื้อโควิดอยู่จำนวนมาก โดยการช่วยประสานงานในลักษณะของการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม การดำเนินการประสานเรื่องของการจัดหาเตียงต่างๆ ให้กับผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยรองรับผู้ติดเชื้อ รวมไปถึงรับผู้ป่วยจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑล ตามความสมัครใจกลับไปรักษาตามภูมิลำเนา โดยรัฐมนตรีจะได้ดำเนินการประสานกับหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด สาธารณสุขจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ เพื่อดำเนินงานช่วยดูแลผู้ติดเชื้อโควิดให้ได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด และสามารถดูแลใกล้ชิดนอกเหนือจากการได้รับการดูแลในพื้นที่ กทม. และปริมณฑลแล้ว
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังแจ้งให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีทราบว่า จากการที่แจ้งไม่รับเงินเดือนในส่วนของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี และทีมโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีสมทบร่วม เงินในจำนวนนี้นายกรัฐมนตรีมีความคิดที่จะทำเป็นกล่องยังชีพ กล่องยังชีพนี้จะมีอุปกรณ์ต่างๆ ที่เหมาะสมกับผู้ที่ติดเชื้อ เพื่อให้ได้รับการดูแลในเบื้องต้น โดยในกล่องยังชีพที่จะส่งให้ประชาชนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จะประกอบไปด้วย ปรอทวัดไข้, เครื่องวัดออกซิเจนที่ปลายนิ้ว, ยารักษาต่างๆ, หน้ากากอนามัย และแอลกอฮอล์
นอกจากนี้ที่ประชุมยังรับทราบว่าในปัจจุบันนายกรัฐมนตรีได้มีการปรับการให้ตรวจหาเชื้อโควิดแบบ Antigen Test Kit รวมทั้งนายกรัฐมนตรีได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสื่อสารให้ประชาชนรับทราบให้ชัดเจน ในเรื่องของขั้นตอนการตรวจต่างๆ ที่จะต้องดำเนินการ ตั้งแต่การจัดซื้อจัดหา และเมื่อตรวจพบเชื้อแล้วจะต้องดำเนินการอย่างไร โดยนายกรัฐมนตรีได้ขอให้เขียนลำดับขั้นตอนให้ชัดเจน ว่าการรักษาตัวที่บ้านหรือ Home Isolation มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง รวมถึงมีอาการมากขึ้นจะต้องติดต่อหน่วยงานใด
ส่วนการรอเตียงเพื่อรอรับการรักษานั้น นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ดำเนินการเพื่อที่จะให้ลดจำนวนผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบการรักษาได้ โดยขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงหรือพื้นที่ ได้ไปดำเนินการเพื่อที่จะสามารถดูแลประชาชนได้อย่างทั่วถึง