ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัยรายสำคัญในคดีลอบสังหารประธานาธิบดีเฮติ ชี้เดินทางเข้าประเทศด้วยจุดประสงค์ทางการเมือง

ตำรวจในเฮติระบุว่าได้จับกุม คริสเตียน เอ็มมานูเอล ซานอน แพทย์ชาวเฮติวัย 63 ปีคนหนึ่งที่เชื่อว่าเป็นผู้ต้องสงสัยรายสำคัญในการจัดการลอบสังหาร โจเวเนล มอยส์ ประธานาธิบดีของประเทศ ซึ่งการลอบสังหารดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วโดยทีมติดอาวุธ

การจับกุมดังกล่าวได้รับการเปิดเผยในการแถลงข่าวของตำรวจเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ณ กรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงของเฮติ เลออน ชาร์ลส ผู้บัญชาการตำรวจของเฮติ ระบุว่า ซานอนเป็น ‘บุคคลที่เดินทางเข้าเฮติด้วยเครื่องบินส่วนตัวโดยมีจุดประสงค์ทางการเมือง’ ชาร์ลส์ยังเปิดเผยด้วยว่าช่วงเริ่มต้นบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าสังหารมอยส์นั้นมีหน้าที่เพียงปกป้องซานอนเท่านั้น แต่ต่อมาพวกเขาก็ได้รับคำสั่งใหม่คือการเข้าจับตัวประธานาธิบดีมอยส์

“เมื่อพวกเราซึ่งเป็นตำรวจได้สกัดกั้นความคืบหน้าของผู้ร้ายเหล่านี้หลังจากพวกเขากระทำความผิด บุคคลแรกที่หนึ่งในคนร้ายได้โทรหาก็คือ คริสเตียน เอ็มมานูเอล ซานอน” ชาร์ลส์กล่าว “เขา (ซานอน) ติดต่อกับคนอีกสองคนที่เราพิจารณาว่าเป็นผู้บงการในการลอบสังหารประธานาธิบดีโจเวเนล มอยส์” ทั้งนี้ชาร์ลส์ไม่ได้ระบุว่าอีกสองคนที่เป็นผู้บงการนั้นเป็นใคร

ด้านคณะผู้แทนระดับสูงด้านความมั่นคงและความยุติธรรมของสหรัฐฯ เดินทางถึงเฮติเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเพื่อประเมินสถานการณ์ด้านความปลอดภัย คณะผู้แทนชุดดังกล่าวยังจะได้พบกับนักการเมืองเฮติสามคน ซึ่งแต่ละคนอ้างว่าเป็นผู้นำที่ถูกต้องตามกฎหมายของประเทศ สองคนแรกได้แก่ โคลด โจเซฟ นายกรัฐมนตรีชั่วคราว และ อาเรียล อองรี ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่แต่ยังไม่ได้สาบานตนรับตำแหน่ง ทั้งคู่ต่างบอกว่าตัวเองเป็นผู้นำสูงสุดในขณะนี้ ในขณะเดียวกันสำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักรายงานว่าวุฒิสภาของเฮติ ซึ่งปัจจุบันประกอบด้วยสมาชิกวุฒิสภาเพียง 1 ใน 3 ของสมาชิกทั้งหมด 30 คน ได้เสนอชื่อ โจเซฟ แลมเบิร์ต ประธานวุฒิสภาเพื่อทำหน้าที่เป็นประธานาธิบดีชั่วคราวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

หลังการโจมตีที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ของเฮติได้ขอให้สหรัฐฯ และสหประชาชาติส่งทหารมายังเฮติเพื่อปกป้องโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เริ่มแรกประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ปฏิเสธคำขอดังกล่าว แต่ล่าสุด เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวระบุว่าสหรัฐอเมริกายังคงกำลังทบทวนคำร้องขอดังกล่าวอยู่

โจเวเนล มอยส์ เป็นประธานาธิบดีของเฮติมาตั้งแต่ปี 2017 ช่วงเวลาที่เขาดำรงตำแหน่งนั้นเต็มไปด้วยปัญหา ในขณะที่เขาต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริต และมีการประท้วงอย่างกว้างขวางในเมืองหลวงและเมืองอื่นๆ เมื่อต้นปีนี้ ด้านการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาควรจะมีขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมปี 2019 ทว่าข้อพิพาทต่างๆ การเลือกตั้งจึงล่าช้าออกไป ทำให้มอยส์ต้องปกครองประเทศด้วยประกาศคำสั่ง เขาวางแผนที่จะจัดการลงประชามติเกี่ยวกับข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญในเดือนกันยายนนี้ และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในวันที่ฝ่ายค้านต้องการให้เขาลงจากตำแหน่ง มอยส์เคยระบุว่าความพยายามในการสังหารเขาและล้มรัฐบาลนั้นถูกขัดขวางแล้ว

ยังไม่ชัดเจนนักว่าใครที่เป็นผู้ที่จัดการลอบสังหารเมื่อสัปดาห์ก่อน และด้วยแรงจูงใจใด ยังมีคำถามอีกจำนวนหนึ่งซึ่งยังไม่ได้รับคำตอบ รวมถึงคำถามที่ว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าลอบสังหารสามารถเข้าไปในที่พักของมอยส์ได้อย่างไร ทั้งนี้ผู้คุ้มกันของมอยส์จะถูกสอบปากคำในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตามตำรวจของเฮติบอกว่าทหารรับจ้างเหล่านี้เป็นชาวโคลอมเบีย ส่วนอีกสองคนเป็นชาวอเมริกัน ขณะที่อดีตวุฒิสมาชิกของเฮติอย่าง สตีเวน เบอนัวต์ บอกกับสถานีวิทยุท้องถิ่นว่าผู้ที่สังหารมอยส์ไม่ใช่ชาวโคลอมเบีย แต่เขาก็ไม่ได้ระบุถึงหลักฐานที่มาสนับสนุนคำกล่าวในเรื่องนี้

ล่าสุดสำนักข่าว Reuters รายงานว่าเมื่อวันจันทร์ ตำรวจเฮติได้ออกหมายจับชาวโคลอมเบียอีกคน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเกี่ยวข้องกับแผนการที่ถูกกล่าวหา และสื่อโคลอมเบียระบุว่าชายคนดังกล่าวเป็นทหารเกษียณอายุ ส่วนตำรวจโคลอมเบียระบุว่าพวกเขาไม่สามารถบอกเล่าสมมติฐานใดๆ เกี่ยวกับการเสียชีวิตของมอยส์ได้ และพวกเขาเคารพในเอกราชของรัฐเฮติ จนถึงขณะนี้ชาวโคลอมเบียที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ 18 คนถูกจับกุมและเสียชีวิตอีก 3 คน ขณะที่ครอบครัวของชาวโคลอมเบียบางคนระบุว่าญาติของพวกเขาถูกจ้างมาเป็นผู้คุ้มกัน ไม่ใช่ทหารรับจ้าง และพวกเขาไม่ได้ฆ่ามอยส์

ขณะที่ตามรายงานของตำรวจโคลอมเบีย ชายคนหนึ่งชื่อ ดิมิทรี เฮราร์ด ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของมอยส์ ได้เดินทางผ่านโคลอมเบียหลายครั้งเมื่อต้นปีนี้ ระหว่างการเดินทางหลายครั้งไปยังเอกวาดอร์และสาธารณรัฐโดมินิกันระหว่างเดือนมกราคมถึงพฤษภาคม ซึ่งเจ้าหน้าที่ทางการโคลอมเบียกำลังสืบสวนกิจกรรมของเฮราร์ดในระหว่างการไปเยือนโคลอมเบียของเขา และยังมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยข่าวกรองโคลอมเบียอยู่ในเฮติตั้งแต่วันศุกร์เพื่อช่วยในการสอบสวนด้วย

ภาพ: Leigh Vogel / Getty Images for Concordia Summit

อ้างอิง: