เกิดอะไรขึ้น:
วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน 2564 ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) เห็นด้วยกับข้อเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้าสู่ประเทศไทย โดยมุ่งเน้น 4 กลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย
1. กลุ่มประชากรโลกที่มีความมั่งคั่งสูง (Wealthy Global Citizen) ซึ่งรวมถึงนักลงทุนที่มีกำลังซื้อสูงภายใต้โปรแกรม (Elite Flexible Plus Program) คุณสมบัติในการขอวีซ่าคือต้องลงทุนขั้นต่ำ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐในพันธบัตรรัฐบาลไทย ลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือในอสังหาริมทรัพย์ และมีรายได้ส่วนบุคคลขั้นต่ำปีละ 80,000 ดอลลาร์สหรัฐในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และมีทรัพย์สินขั้นต่ำ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
2. ผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ (Wealthy Pensioner) คุณสมบัติในการขอวีซ่าคือ ต้องลงทุนขั้นต่ำ 250,000 ดอลลาร์สหรัฐในพันธบัตรรัฐบาลไทย ลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือในอสังหาริมทรัพย์ และมีรายได้ขั้นต่ำปีละ 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือมีรายได้ขั้นต่ำปีละ 80,000 ดอลลาร์สหรัฐ
3. กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย (Work from-Thailand Professional) ไม่จำกัดอายุ, ทำงานให้กับนายจ้างในต่างประเทศ และสามารถทำงานทางไกลจากประเทศอื่นได้, มีรายได้ที่มั่นคงจากต่างประเทศ โดยมี 2 ประเภทย่อย ได้แก่ 1. ผู้ประกอบอาชีพด้านดิจิทัล 2. พนักงานองค์กรขนาดใหญ่และใกล้จะเกษียณอายุ โดยคุณสมบัติในการขอวีซ่าคือ มีรายได้ส่วนบุคคล (เงินเดือน รายได้จากการลงทุน เป็นต้น) ขั้นต่ำปีละ 80,000 ดอลลาร์สหรัฐในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หรือปีละ 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ หากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทขึ้นไป, ครอบครองทรัพย์สินทางปัญญา, ได้รับเงินทุน Series A และมีประสบการณ์ทำงานอย่างน้อย 5 ปี
4. กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ (High-Skilled Professional) ไม่จำกัดอายุ มีประสบการณ์ทำงานและทักษะสูง และจะเข้ามาทำงานในประเทศไทยให้บริษัทในอุตสาหกรรมเป้าหมายตาม พ.ร.บ. การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ. 2560 หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญ หรือนักวิจัยที่จะเข้ามาทำงานในหน่วยงานรัฐ หรือเข้ามาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย คุณสมบัติในการขอวีซ่าคือมีรายได้ส่วนบุคคล (เงินเดือน รายได้จากการลงทุน เป็นต้น) ปีละ 80,000 ดอลลาร์สหรัฐในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หรือปีละ 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ หากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทขึ้นไป และมีประสบการณ์ทำงานอย่างน้อย 5 ปี ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย
โดยทั้ง 4 กลุ่มเป้าหมายจะต้องมีประกันสุขภาพจากบริษัทประกันที่ได้รับการรับรอง คุ้มครองค่ารักษา 100,000 ดอลลาร์สหรัฐขึ้นไปตลอดระยะเวลาถือวีซ่า
อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวต้องหารือกับหลายหน่วยงาน และจะถูกนำกลับมาพิจารณาต่อที่ประชุม ศบศ. ต่อไป
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (7 มิถุนายน) ราคาหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (SETPROP) ปรับตัวขึ้น 0.99%DoD ขณะที่ SET Index ปรับตัวขึ้นเพียง 1.06 จุด หรือ 0.07%DoD สู่ระดับ 1,612.59 จุด
มุมมองระยะสั้น:
มาตรการกระตุ้นการลงทุนของต่างชาติที่ทาง ศบศ. สนับสนุน ซึ่งได้รวมถึงการให้สิทธิ์ชาวต่างชาติในการครอบครองหรือเช่าระยะยาวในอสังหาริมทรัพย์นั้น SCBS มองว่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อหุ้นอสังหาริมทรัพย์ แต่ในเชิงรายละเอียดของนโยบายและการบังคับใช้ รัฐบาลยังต้องกลับไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและนำกลับมาเสนอต่อที่ประชุม ศบศ. ซึ่งมองว่ากระบวนการนี้ต้องใช้เวลา
ทั้งนี้ SCBS มองว่าอสังหาริมทรัพย์เซกเมนต์ระดับกลางบนขึ้นไป ราคาขั้นต่ำกว่า 8 ล้านบาทต่อหน่วย จะได้ประโยชน์มากที่สุด โดยกลุ่มที่จะได้ประโยชน์คือกลุ่มคอนโดมิเนียมในเขต CBD และกลุ่มแนวราบหรือวิลลาและคอนโดมิเนียมเน้นโครงการตามหัวเมืองมากกว่า เช่น ภูเก็ต ระยอง เชียงใหม่ อยุธยา สงขลา เป็นต้น
มุมมองระยะยาว:
ทั้งนี้ต้องติดตามความคืบหน้าของมาตรการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้าสู่ประเทศไทยหลังที่ประชุม ศบศ. มอบหมายให้ สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำแผนการดำเนินการ รวมถึงติดตามกระแสตอบรับของโครงการจากทั้งผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์และชาวต่างชาติกลุ่มเป้าหมาย
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า