ราคาโลหะอุตสหกรรมและเหล็กเริ่มปรับตัวลดลง หลังจากที่รัฐบาลเริ่มเข้ามาควบคุมความเคลื่อนไหวราคา ด้วยความกังวลว่าราคาที่ปรับเพิ่มขึ้นมากไปอาจเป็นสาเหตุเร่งอัตราเงินเฟ้อ โดยราคาทองแดงปรับลดลงจากที่เคยสร้างสถิติสูงสุดป็นประวัติการณ์ เช่นเดียวกับราคาแร่แหล็กที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความกังวลว่าจะเป็นปัจจัยเร่งอัตราเงินเฟ้อทั่วโลก
โดยราคาสัญญาฟิวเจอร์สแร่เหล็กลดลงมากถึง 11% ในสิงคโปร์ ขณะที่ราคาเหล็กเส้นลดลงเนื่องจากเจ้าหน้าที่จีนออกมาตรการใหม่สำหรับผู้ผลิตเหล็ก โลหะพื้นฐานได้รับความกดดันในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเช่นกัน โดยราคาทองแดงลดลง 4.7% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันจันทร์ที่ผ่านมา
มาตรการใหม่ที่พุ่งเป้าไปยังภาคอุตสาหกรรมเหล็กของจีน เกิดขึ้นหลังจากต้นทุนวัตถุดิบที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้ราคาหน้าโรงงานของจีนพุ่งสูงที่สุดในรอบกว่า 3 ปีในเดือนเมษายนที่ผ่านมา การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของราคาผู้บริโภคในสหรัฐฯ กระตุ้นให้เกิดความวิตกกังวลในตลาดการเงิน ว่าอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นจะขัดขวางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และอาจกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ เข้มงวดนโยบายเร็วกว่าที่คิด
“หลายคนกลัวว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูงจะบังคับให้เฟดยุติมาตราการผ่อนคลายทางการเงินเร็วขึ้น” นักวิเคราะห์ของ TD Securities กล่าวกับ Bloomberg
ทองแดงและแร่เหล็กเป็นหนึ่งในผู้ได้รับผลประโยชน์สูงสุดในการเพิ่มขึ้นของสินค้าโภคภัณฑ์ตลอดทั้งปี เนื่องจากอุปทานที่เพิ่มขึ้นของโควิด-19 ในขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ สนับสนุนเศรษฐกิจ และกระตุ้นให้เกิดอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในจีน
“ทองแดงจะยังคงซื้อขายในราคาที่ดีมาก แต่ส่วนตัวประเมินว่าราคาจะถูกกดดันต่อเนื่อง” โคลิน แฮมิลตัน กรรมการผู้จัดการฝ่ายวิจัยสินค้าโภคภัณฑ์ของ BMO Capital Markets กล่าวทางโทรศัพท์กับ Bloomberg
ทั้งนี้ ทองแดงลดลง 1% ปิดที่ 10,240.50 ดอลลาร์ต่อตัน เวลา 17.53 น. ใน London Metal Exchange หลังจากแตะจุดสูงสุดในวันจันทร์ที่ 10,747.50 ดอลลาร์ โลหะพื้นฐานอื่นๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันศุกร์ แต่อะลูมิเนียมยังคงลดลง 3% ต่อสัปดาห์
ราคาเหล็กและโละหะพื้นฐานอื่นๆ ย่อตัวลงหลังจากรัฐบาลท้องถิ่นเมืองถังซาน ออกมาตรการลงโทษการละเมิด รวมถึงการปรับราคา และโรงงานผู้ผลิตเหล็กได้รับแจ้งว่า พวกเขาอาจถูกระงับการทำธุรกิจหรือถูกเพิกถอนใบอนุญาต หากกระทำการอันผิดกฎหมาย ทั้งนี้ เมืองถังซานมีผลผลิตเหล็กคิดเป็น 14% ของผลผลิตเหล็กของจีน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: