เกิดอะไรขึ้น:
SCBS ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 1Q64 ของ บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) ซึ่งคาดว่าจะประกาศผลประกอบการวันที่ 12 พฤษภาคม 2564
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้น CPALL ลดลง 8.5%MoM สู่ระดับ 62.00 บาท เทียบกับ SET Index ที่ปรับตัวลง 1.0%MoM สู่ระดับ 1,559.23 จุด (ข้อมูล ณ วันที่ 27 เมษายน 2564)
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดยอดขายสาขาเดิม (SSS) 1Q64 ในธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVS) ของ CPALL จะลดลง 18%YoY (เทียบกับลดลง 4%YoY ใน 1Q63 และลดลง 18%YoY ใน 4Q63) โดยมีเหตุมาจากกำลังซื้อระดับต่ำจากยอดขายที่หายไปจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ และผลกระทบด้านลบจากมาตรกระตุ้นของการรัฐบาล (คนละครึ่ง เราชนะ และเรารักกัน) เนื่องจากเงินอุดหนุนจากมาตรการเหล่านี้ไม่สามารถนำมาใช้ที่ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ได้
ขณะที่ยอดขายจากช่องทาง O2O (Online to Offline) ใน 1Q64 จะคิดเป็นสัดส่วนตัวเลขหลักเดียวระดับสูงต่อยอดขายใน 1Q64 โดยได้รับการสนับสนุนจากบริการใหม่ ‘7-Eleven Delivery’
ทั้งนี้ SCBS ประเมินว่าใน 1Q64 CPALL จะเปิดสาขาใหม่ 200 สาขา ซึ่งจะส่งผลให้มีสาขารวมทั้งสิ้น 12,632 สาขา ณ สิ้นปี 1Q64 สำหรับอัตรากำไรขั้นต้น 1Q64 มีแนวโน้มลดลง YoY โดยมีสาเหตุมาจากต้นทุนคงที่สูงในศูนย์กระจายสินค้า รวมถึงสัดส่วนยอดขายสินค้าของกินของใช้ซึ่งให้มาร์จิ้นต่ำปรับตัวเพิ่มขึ้น
สำหรับกำไร 1Q64 ของธุรกิจ cash&carry ซึ่ง CPALL ถือหุ้น 93% ในบมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO) SCBS คาดไว้ที่ระดับ 1.7 พันล้านบาท ทรงตัว YoY และ QoQ โดยเกิดจาก SSS ในระดับทรงตัว ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายสินค้ากลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการค้าปลีกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและจะถูกหักล้างโดยกำลังซื้อระดับต่ำจากลูกค้ากลุ่มอื่นๆ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นทรงตัว YoY
SCBS คาดกำไรสุทธิ 1Q64 ของ CPALL ที่ 3.1 พันล้านบาท ลดลง 45%YoY และลดลง 13%QoQ ซึ่งหากตัดรายการพิเศษจากค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวที่เกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์สำหรับดีลเทสโก้เอเชียจำนวน 300 ล้านบาท กำไรปกติ 1Q64 จะอยู่ที่ 3.4 พันล้านบาท ลดลง 39%YoY และลดลง 10%QoQ เพราะยอดขายและมาร์จิ้นในธุรกิจ CVS ที่หดตัว และผลกระทบด้านลบต่อกำไรจากการเข้าซื้อกิจการกลุ่มเทสโก้เอเชีย
มุมมองระยะยาว:
SCBS คาดแนวโน้มผลประกอบการปี 2564 ของ CPALL จะฟื้นตัวกลับมาเติบโต 11%YoY ซึ่งเกิดจาก SSS ที่ค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้นจากฐานต่ำของปีก่อนและอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVS) และมีส่วนแบ่งกำไรที่ดีขึ้นเล็กน้อยจากธุรกิจ Cash & Carry ซึ่งมากพอที่จะชดเชยผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 6% ต่อกำไรที่จะได้รับจากการซื้อกิจการกลุ่มเทสโก้เอเชีย (ซึ่งสมมติฐานต้นทุนทางการเงินทั้งหมด 4.7% ต่อปี สูงกว่ากำไรที่จะได้รับจากกลุ่มเทสโก้เอเชีย แต่ยังไม่รวม Synergy จากดีลนี้เข้ามา)
ทั้งนี้ต้องติดตามการฟื้นตัวของกำลังซื้อภายในประเทศ รวมถึงผลกระทบด้านลบที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย ซึ่งมาตรการเหล่านี้ไม่สามารถใช้ร่วมกับร้านสะดวกซื้อของ CPALL ได้ นอกจากนี้ยังคงต้องติดตามการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งจะช่วยกระตุ้นต่อยอดขายในสาขาแหล่งท่องเที่ยวได้
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ
ไม่พลาดข่าวไฮไลต์ประจำวัน มาเป็นเพื่อนกับ THE STANDARD WEALTH ในไลน์ คลิก https://lin.ee/xfPbXUP