สถานีโทรทัศน์ BBC ของอังกฤษรายงานว่า ทางการตุรกีได้รวบตัวผู้ต้องสงสัย 4 รายที่มีความเกี่ยวข้องกับ Vebitcoin แพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซี ฐานพัวพันการฉ้อโกงหลอกลวง โดยการจับกุมครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ทาง Vebitcoin ประกาศหยุดการดำเนินการอย่างกะทันหัน ด้วยการอ้างว่ามีปัญหาทางการเงิน
ด้านสื่อท้องถิ่นตุรกีรายงานว่า เพียงไม่นานหลังจากที่ทาง Vebitcoin ออกมาประกาศหยุดให้บริการ ทางการตุรกีได้สั่งบล็อกบัญชีธนาคารทั้งหมดที่มีการผูกกับแพลตฟอร์มดังกล่าว ขณะที่หน่วยงานสอบสวนอาชญากรรมทางการเงินของตุรกีก็ประกาศเดินหน้าสืบสวนแพลตฟอร์มดังกล่าวทันที
ทั้งนี้ เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ทาง Vebitcoin ได้ออกประกาศระบุว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์ภายในอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีของตุรกีในปัจจุบัน ได้ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของบริษัทมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการปิดแพลตฟอร์มในครั้งนี้มีผู้ได้รับผลกระทบมากน้อยเท่าไร
Mehmet Nadir Yagci อัยการประจำเมือง Mugla ทางตะวันตกเฉียงใต้ของตุรกี ออกมาเปิดเผยว่า ผู้ต้องสงสัย 4 รายที่ทางการตุรกีรวมตัวมาได้นี้ ทำงานในระดับบริหารของแพลตฟอร์มดังกล่าว
ก่อนหน้าที่จะมีความคลื่อนไหวกับ Vebitcoin เพียงหนึ่งวัน มีรายงานว่าตำรวจตุรกีได้จับกุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 62 คน ซึ่งคาดว่ามีความเกี่ยวข้องกับ Thodex แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีอีกราย ที่ปิดตัวลงเมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานราว 390,000 คน พร้อมออกหมายจับกุมตัว Faruk Fatih Ozer ผู้ก่อตั้ง Thodex ที่มีรายงานว่าหลบหนีไปยังประเทศแอลเบเนียพร้อมกับเงินของเหล่านักลงทุนมูลค่ารวม 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ด้าน Ozer ออกโรงโต้ว่า ข้อกล่าวหาของทางการตุรกีเป็นข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอย และตนเองเดินทางมาแอลเบเนียเพื่อเข้าร่วมการประชุมเท่านั้น ไม่ได้หลบหนีแต่อย่างใด
ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลตุรกีในช่วงเวลานี้แสดงให้เห็นถึงจุดยืนของรัฐบาลภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีเรเจป เตยิป แอร์โดอัน ของตุรกี ที่ไม่ค่อยเห็นชอบกับอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีมากเท่าไรนัก โดยนอกจากมีการออกกฎหมายควบคุมตลาดเงินดิจิทัลอย่างเข้มงวดแล้ว ยังสั่งแบนการใช้เงินคริปโตเคอร์เรนซีเพื่อชำระสินค้าและบริการ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 30 เมษายนเป็นต้นไป
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีในช่วงไม่กี่ปีให้หลังของตุรกีค่อนข้างเติบโตได้เป็นอย่างดี เนื่องจากชาวตุรกีส่วนหนึ่งนิยมนำเงินมาลงทุนผ่านเงินดิจิทัล เพื่อรับมือกับค่าเงินลีราที่อ่อนตัวลงอย่างมาก และปัญหาเงินเฟ้อรุนแรง โดยอัตราเงินเฟ้อตุรกีพุ่งถึง 16.2% มากกว่าเป้าเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางตุรกีตั้งไว้ที่ 5%
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง:
