ปรากฏการณ์ความนิยมของแอปพลิเคชันแชตสดอย่าง ‘Clubhose’ นอกจากจะกลายเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจของแวดวงเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพแล้ว ในเวลาเดียวกันยังทำให้บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งตื่นตัวและลุกขึ้นมาจับเทรนด์แชตเสียงรูปแบบนี้มาพัฒนาเป็นฟีเจอร์ใหม่ๆ บนแพลตฟอร์มของตัวเอง เพื่อเพิ่มอาวุธความหลากหลายในการดึงเวลาผู้ใช้งานให้มาอยู่บนพื้นที่ของพวกเขาให้มากที่สุด ตัวอย่างที่ผ่านมาก็เช่น Twitter ที่เปิดตัว Spaces ไปไม่นานมานี้
ล่าสุดเป็นคิวของ Facebook เจ้าตลาดแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 2.8 พันล้านคนทั่วโลก ที่ได้ออกมาประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่เน้นไปในด้านการสนทนาผ่านเสียงมากถึง 3 ฟีเจอร์ด้วยกัน
เริ่มต้นที่ ‘Live Audio Rooms’ หรือห้องแชตสดแบบเรียลไทม์ ซึ่งมีลักษณะและรูปแบบการใช้งานละม้ายคล้ายกับ Clubhouse กล่าวคือ เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้ Facebook สามารถมาเปิดห้องสนทนาผ่านเสียงกันได้แบบสดๆ และเปิดให้ผู้ที่สนใจจะมานั่งฟังสามารถกด Join เพื่อเข้าร่วมไปฟังหัวข้อ ประเด็นสนทนาที่น่าสนใจได้ทันที หลังจากที่ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ทดลองฟีเจอร์ดังกล่าวไปใน Facebook Groups
คาดว่า Live Audio Rooms จะเปิดให้ผู้ใช้งานทั่วไปของ Facebook สามารถเริ่มใช้งานได้ในเร็วๆ นี้ (ภายในฤดูร้อนตามกำหนดการของ Facebook) โดยที่ในอนาคตจะเพิ่มการใช้งานฟีเจอร์ใหม่นี้บน Messenger อีกด้วย
ถัดมาเป็นฟีเจอร์ ‘พอดแคสต์’ ซึ่ง Facebook บอกว่า ณ วันนี้เทรนด์ของคอนเทนต์เสียงนั้นกำลังมีอิทธิพลกับผู้ใช้งานจำนวนมาก เช่นเดียวกันกับพอดแคสต์ ที่ปัจจุบันมีผู้ใช้งาน Facebook มากกว่า 170 ล้านรายทั่วโลก เชื่อมโยง ติดตาม และให้ความสนใจกับเพจผู้ผลิตคอนเทนต์พอดแคสต์มากกว่าหลายแสนราย นอกจากนี้ยังมีผู้ใช้งานอีก 35 ล้านรายที่เป็นสมาชิกกลุ่มพอดแคสต์ต่างๆ บนแพลตฟอร์มของพวกเขา
แต่ครั้นจะฟังพอดแคสต์สักตอนก็ต้องกดออกจากแอปฯ Facebook เพื่อเข้าไปฟังพอดแคสต์รายการโปรดตามช่องทางอื่นๆ แล้วเปิดเล่นไว้แบบแบ็กกราวด์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สะดวก ยุ่งยากมากๆ จุดนี้เองที่ทำให้ Facebook ตัดสินใจเพิ่มช่องทางให้สามารถฟังรายการพอดแคสต์บนแพลตฟอร์มของ Facebook ได้ทันที ช่วยให้ครีเอเตอร์ ผู้ผลิตรายการคอนเทนต์พอดแคสต์สามารถเข้าถึงกลุ่มคนฟังใหม่ๆ ได้หลากหลายมากขึ้น
และสุดท้าย ‘SoundBites’ ซึ่ง Facebook เคลมว่ารูปแบบจะเป็นเหมือนโพสต์ข้อความเสียงที่มีขนาดสั้น ช่วยให้ผู้ใช้งานทุกคนสามารถแชร์คอนเทนต์เสียงของตัวเองบนหน้าฟีดได้ในอนาคต อย่างไรก็ดี ในช่วงแรกของการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ SoundBites นี้ Facebook จะเริ่มเปิดให้ครีเอเตอร์บางกลุ่มได้เริ่มทดลองใช้งานกันก่อน เพื่อให้มีรูปแบบคอนเทนต์ที่หลากหลาย และเห็นแนวทางของการนำไปใช้สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่น่าสนใจ
เช่น การผนึกกำลังร่วมกับครีเอเตอร์สายตลก, ASMR, สร้างแรงบันดาลใจ, ข้อมูลความรู้ที่เป็นประโยชน์สำหรับนักธุรกิจ ผู้ประกอบการ เป็นต้น
ส่วนประเด็นการต่อยอดทำเงินนั้น ก็เป็นอีกเรื่องที่ Facebook ยืนยันว่าพวกเขาให้ความสำคัญไม่แพ้กัน โดยบน Live Audio Rooms จะมีโมเดลที่หลากหลาย ตั้งแต่การให้ดาว (เหมือนบน Facebook ปกติ), บริจาคในประเด็นที่ให้ความสำคัญ สนใจ, การเปิดให้เข้าฟังในห้องต่างๆ แบบเก็บเงินทั้งครั้งเดียวหรือแบบ Subscription ส่วนฝั่งของ SoundBites จะเตรียมเปิดกองทุนสนับสนุนเหล่าครีเอเตอร์ Audio Creator Fund
จะเห็นว่าโมเดลการช่วยครีเอเตอร์ทำเงินของ Facebook จะค่อนข้างมีความหลากหลายกว่า Clubhouse ต้นตำรับของแอปฯ แชตเสียงอยู่พอสมควรเลยทีเดียว โดยของ Clubhouse ที่เพิ่งประกาศไปจะเน้นไปที่การมอบเงินให้กับครีเอเตอร์โดยตรง ส่วน Facebook Live Audio Rooms จะมีตั้งแต่การให้เงินโดยตรง การเก็บเงินค่าเข้าห้องแชต ประหนึ่งเป็นการสมัครสมาชิกอยู่กลายๆ นั่นเอง
ต้องรอดูกันว่าโมเดลการช่วยทำเงินที่หลากหลายนี้ของ Facebook และความครบเครื่องรอบด้านของแพลตฟอร์ม จะยังพอดึงดูดผู้ใช้งานกลุ่มใหม่ๆ จำนวนมากที่วันนี้กระจัดกระจายไปอยู่บนแพลตฟอร์มต่างๆ ไม่ใช่แค่ Clubhouse ได้ดีแค่ไหน ที่สำคัญคำถามคือ เมื่อ Facebook เข้ามาในสังเวียนนี้อย่างเต็มรูปแบบ เทรนด์การแชตผ่านเสียงจะยังเป็นที่นิยมจากผู้ใช้งานเหมือนก่อนหน้านี้หรือเปล่า
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง:
