สมาคมฟุตบอลอังกฤษ (FA) ให้การยืนยันต่อสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (UEFA) ว่าการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 จะสามารถให้แฟนฟุตบอลเข้าชมเกมที่สนามเวมบลีย์ได้นัดละ 22,500 คน และมีความหวังจะเพิ่มได้ถึง 45,000 คนต่อนัด ซึ่งรวมถึงเกมนัดชิงชนะเลิศด้วย
จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว จนทำให้การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ต้องเลื่อนมาแข่งขัน 11 มิถุนายน – 11 กรกฎาคมปีนี้แทน ทางด้าน UEFA ได้มีการสอบถามความพร้อมจากทางเมืองเจ้าภาพ 12 แห่งได้แก่ ลอนดอน (อังกฤษ), กลาสโกว์ (สกอตแลนด์), ดับลิน (ไอร์แลนด์), อัมสเตอร์ดัม (เนเธอร์แลนด์), โคเปนเฮเกน (เดนมาร์ก), เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (รัสเซีย), บิลเบา (สเปน), มิวนิก (เยอรมนี), บูดาเปสต์ (ฮังการี), บากู (อาเซอร์ไบจาน), โรม (อิตาลี) และบูคาเรสต์ (โรมาเนีย) ว่ามีความพร้อมที่จะเปิดให้แฟนฟุตบอลเข้าชมในสนามมากแค่ไหน โดยขีดเส้นตายในการให้คำตอบวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ แม้จะมีชาติที่มีปัญหาบ้าง เช่น กรุงดับลิน ที่มีความกังวลว่าอาจไม่สามารถจัดการแข่งขันได้ เพราะไม่สามารถการันตีต่อ UEFA ได้ในเรื่องจำนวนแฟนฟุตบอลขั้นต่ำ รวมถึงนครมิวนิก และกรุงโรม ที่ยังไม่สามารถระบุจำนวนแฟนฟุตบอลที่จะเข้าชมได้เช่นกัน แต่สำหรับชาติอื่นแล้วถือว่ามีสัญญาณที่ดีที่จะเปิดให้แฟนๆ เข้ามาชมเกมในมหกรรมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่อันดับสองของโลกได้
โดยเฉพาะที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งจะจัดการแข่งขันถึง 7 นัด รวมถึงนัดชิงชนะเลิศ ทางด้าน FA ได้ยืนยันต่อ UEFA ว่าจะสามารถต้อนรับแฟนฟุตบอลได้เบื้องต้น 22,500 คน หรือ 25 เปอร์เซ็นต์ของความจุสนาม 90,000 คน ซึ่งมากกว่าจำนวนที่ทางด้านรัฐบาลอังกฤษอนุญาตตามแนวทางการปฏิบัติเพื่อกลับสู่การใช้ชีวิตปกติถึง 2 เท่า แต่ในเกมทั้งหมดนี้จะได้รับการอนุญาตเป็นพิเศษในฐานะการทดสอบจัดการแข่งขัน โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ 45,000 คน หรือ 50 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนความจุทั้งหมด
หลังจากนี้ทางด้าน UEFA จะตัดสินในวันที่ 19 เมษายนว่าจะมีการปรับเปลี่ยนจำนวนเกมหรือเมืองเจ้าภาพหรือไม่ ซึ่งหากกรุงดับลินไม่สามารถจัดการแข่งขันได้ อาจจะมีการโยกไปที่เมืองทางตอนเหนือของอังกฤษหรือสกอตแลนด์แทน ขณะที่เมืองบิลเบา ประเทศสเปน ซึ่งมีปัญหาจากข้อเรียกร้องของสภาเมืองท้องถิ่น ทำให้ทางด้านสหพันธ์ฟุตบอลสเปนอาจจะมีการเปลี่ยนเมืองเจ้าภาพแทน
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง:
