ก.ล.ต. เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 13 ราย กรณีสร้างราคาหุ้นบริษัท เกียรติธนา ขนส่ง จำกัด (มหาชน) หรือ KIAT โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งรวม 291,175,810 บาท
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ระหว่างวันที่ 4-22 ธันวาคม 2557 บุคคลจำนวน 13 ราย ได้แก่
- เกียรติชัย มนต์เสรีนุสรณ์
- น้ำ ชลสายพันธ์
- ศุภวุฒิ มณีรินทร์
- ศนิ จิวจินดา
- ยศ ธนารักษ์โชค
- นิภา ชลสายพันธ์
- น้ำทิพย์ ชลสายพันธ์
- สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย
- บริษัท นิปปอน แพ็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (NPP)*
- รินนภา คุณะวัฒน์สถิตย์
- ปฏิญญา เทวอักษร
- กิ่งกาญจน์ สมิตานนท์
- ประพล มิลินทจินดา
ได้ร่วมกันสร้างราคาหุ้น KIAT ให้ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด ซึ่งมีผลทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นจาก 7.75 บาท เป็นราคา 15.60 บาท
บุคคลข้างต้นได้แบ่งหน้าที่กันเพื่อสร้างราคาหุ้น กล่าวคือ น้ำ, ศุภวุฒิ, ศนิ และ ยศ ทำหน้าที่ซื้อขายหุ้น KIAT เพื่อให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นผิดไปจากสภาพปกติของตลาด ในช่วงเวลาเดียวกัน เกียรติชัย, สุรพงษ์ NPP (ซึ่งสุรพงษ์เป็นกรรมการผู้จัดการ และเป็นผู้มีอำนาจซื้อขายในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของ NPP)
รินนภา ซึ่งมี สุรพงษ์ เป็นผู้รับประโยชน์ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตน ปฏิญญา และกิ่งกาญจน์ ซึ่งมีประพลเป็นผู้รับประโยชน์ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตน ร่วมทำรายการซื้อขายบนกระดานรายใหญ่ (Big Lot) เป็นจำนวนมากหลายครั้งตามราคาที่กลุ่มผู้กระทำความผิดได้ผลักดันให้สูงขึ้นแล้ว ทำให้ผู้ลงทุนทั่วไปเข้าใจว่ามีผู้ร่วมลงทุนใหม่สนใจลงทุนใน KIAT ในราคาที่สูงขึ้นตามลำดับ ในขณะที่กลุ่มผู้ที่ร่วมกระทำความผิดดังกล่าวซึ่งรวมถึง นิภา และน้ำทิพย์ ซึ่งเป็นภรรยาและบุตรของ น้ำ ได้ขายหุ้น KIAT เพื่อทำกำไร โดยเกียรติชัยนำหุ้นที่ฝากไว้ในบัญชีบุคคลอื่น (Nominee) มาขายทำกำไรเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าว เกียรติชัยในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ และกรรมการผู้จัดการของ KIAT ได้เสนอให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนให้กับบุคคลเฉพาะเจาะจงแก่ผู้ที่ร่วมกันกระทำความผิดในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด การลดมูลค่าพาร์ของหุ้น KIAT และการออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญให้กับผู้ถือหุ้นโดยไม่คิดมูลค่า เพื่อสร้างความน่าสนใจในการซื้อขายหุ้น KIAT อีกทางหนึ่ง
การกระทำของบุคคลดังกล่าวข้างต้นเป็นความผิดตามมาตรา 243 ซึ่งต้องระวางโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และมาตรา 317/4(1) แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ที่แก้ไขโดยฉบับที่ 5 พ.ศ. 2559 ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้ ก.ล.ต. นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิด 13 ราย โดยกำหนดให้ชำระค่าปรับทางแพ่งดังนี้
- เกียรติชัย จำนวน 112,609,500 บาท
- น้ำ จำนวน 10,530,345 บาท
- ศุภวุฒิ จำนวน 9,989,632.50 บาท
- ศนิ จำนวน 7,746,735 บาท
- ยศ จำนวน 5,637,442.50 บาท
- นิภา จำนวน 2,865,330 บาท
- น้ำทิพย์ จำนวน 529,545 บาท
- สุรพงษ์ จำนวน 33,859,920 บาท
- NPP จำนวน 23,295,000 บาท
- รินนภา จำนวน 500,000 บาท
- ปฏิญญา จำนวน 60,330,000 บาท
- กิ่งกาญจน์ จำนวน 500,000 บาท
- ประพล จำนวน 22,782,360 บาท
ทั้งนี้ การที่ ค.ม.พ. ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิดซึ่งเป็นบุคคลจำนวน 12 ราย เป็นเหตุให้ผู้กระทำความผิดดังกล่าวเข้าข่ายเป็นผู้มีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งการมีลักษณะต้องห้ามการเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน โดยปัจจุบันปฏิญญาและประพล ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารในบริษัทจดทะเบียน และประพลเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน ซึ่ง ก.ล.ต. อยู่ในระหว่างการพิจารณาดำเนินการ
*บริษัท นิปปอน แพ็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ NPP ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท โกลบอล คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOCON
ด้านราคาหุ้น KIAT ล่าสุด (19 มีนาคม) อยู่ที่ 0.56 บาท
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์