หุ้นไทยบวก 19 จุด ปิดการซื้อขายที่ 1,516.43 จุด รับข่าวดีเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้น-ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เริ่มขยับ โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่เข้าใกล้ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สะท้อนถึงการฟื้นตัวที่ค่อยเป็นไปค่อยไปอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจทั่วโลก
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยวันนี้ (8 กุมภาพันธ์) ดัชนีปิดการซื้อขายที่ 1,516.43 จุด +19.82 จุด หรือ +1.32% ระหว่างวันดัชนีแตะระดับสูงสุดที่ 1,517.31 จุด มูลค่าการซื้อขาย 94,278.81 ล้านบาท โดยหุ้นที่หนุนดัชนีคือหุ้นกลุ่มพลังงาน และธนาคารพาณิชย์ โดยนักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 4,186.25 ล้านบาท
ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า การปรับตัวขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ได้แรงหนุนจากความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งสะท้อนจากคาดการณ์เงินเฟ้อในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดใหม่ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบโลกก็ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เช่นเดียวกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ที่ปรับขึ้น
“ธีม Reflation ในขณะนี้ค่อนข้างจะรุนแรง ทำให้หุ้นไทยซึ่งส่วนใหญ่เชื่อมโยงกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงหุ้นกลุ่มแบงก์ที่ยังคงโดดเด่น หลังจากรายงานผลประกอบการออกมาดีกว่าคาด ทำให้นักวิเคราะห์เริ่มปรับประมาณการขึ้น”
ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนขณะนี้ มองว่านักลงทุนสามารถถือครองหุ้น 3 กลุ่มต่อไปได้ โดยที่อาจจะไม่ต้องกังวลกับดัชนี SET มากนัก คือ
- กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากบอนด์ยีลด์ต่ำ ได้แก่ กลุ่มไฟแนนซ์ และสาธารณูปโภค
- กลุ่มหุ้นปันผลสูง ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงของการประกาศจ่ายปันผล
- กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการคำนวณดัชนี SET รูปแบบใหม่ และผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2564 น่าจะดี ได้แก่ KBANK และ SCC
ส่วนกลุ่มที่อิงกับเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ แนะนำลงทุนแบบเทรดดิ้ง คือ ‘ขึ้นขาย-ลงซื้อ’ โดยนักลงทุนไม่จำเป็นต้องรีบร้อนในการเข้าลงทุนในกลุ่มนี้ เนื่องจากมูลค่าหุ้นที่ยังค่อนข้างตึงตัว
ขณะที่แนวโน้มดัชนี SET มองว่ายังไม่น่าจะทะลุจุดสูงสุดเดิมของรอบที่ผ่านมาบริเวณ 1,550 จุด และหุ้นไทยยังน่าจะ Underperform ตลาดหุ้นต่างประเทศต่อไป จนกว่าจะเห็นสัญญาณว่านักลงทุนต่างชาติเข้าซื้ออย่างต่อเนื่อง
วิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า Momentum ของ SET Index น่าจะเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ต่อไปอีกระยะ โดยการแกว่งตัวลักษณะนี้สะท้อนถึงการเข้าลงทุน โดยอิงกับความเชื่อมั่นเรื่องการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะประเทศใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา ที่หลายดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจดีกว่าที่คาด ส่งสัญญาณถึงการฟื้นตัวอย่างแท้จริง ทั้งภาคการผลิต การจ้างงาน และการบริโภค
ระยะต่อไป ตลาดจะติดตามแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ว่าจะสร้างอิมแพ็กต่อเศรษฐกิจได้แค่ไหน หลังจากแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบก่อนหน้าถูกมองว่ายังไม่มีพลังพอ
ทั้งนี้ หากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของโจ ไบเดน ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดหวัง ดัชนีก็อาจจะย่อตัวลงเล็กน้อย แต่ไม่น่าจะลดลงต่ำกว่าแนวรับเดิมคือ 1,480 จุด และมีความเป็นไปได้ที่รอบนี้ดัชนีจะย่ำฐานที่ระดับ 1,500 จุด
กลุ่มที่จะได้รับอานิสงส์ในแรงซื้อรอบนี้คือ กลุ่มวัฏจักร ประกอบด้วย พลังงาน ปิโตรเคมี และธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ราคาซื้อขายในปัจจุบันยังต่ำกว่ากลุ่มธนาคารพาณิชย์ในต่างประเทศ
