*** เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของ Attack on Titan ถึงตอนที่ 67 ***
ซาช่า เบลาส์ หนึ่งในตัวละครจากเรื่อง Attack on Titan ที่ทุกคนรู้จักและตกหลุมรักมาตั้งแต่ตอนเปิดเรื่อง ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เธอสร้างสีสันแสนสดใสในยามที่เนื้อเรื่องตึงเครียดเกินไป เธอสร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายคน ในวันนี้ที่เธอกลายเป็นเพียงแค่ความทรงจำ เราจะพาคุณย้อนเวลากลับไปตั้งแต่ปี 850 เพื่อร่วมรำลึกถึงการจากไปของเธอในปี 854 ด้วย ‘กระสุนสังหาร’ ของเด็กหญิง ‘ชาวเอลเดียที่ดี’ ที่แบกเอาความแค้นจากพื้นดินของเขตกักกัน มาเหนี่ยวไกมวลความแค้นนั้นมุ่งปลิดชีวิตใครสักคน และโชคร้ายที่คนคนนั้นคือ ‘ซาช่า เบลาส์’
1
ประโยคแรกที่ทำให้ทุกคนได้รู้จักกับ ซาช่า เบลาส์ ในฐานะ ‘สาวหัวมัน’ ผู้กล้าหาญที่ถือมันฝรั่งนึ่งไว้ในมือขณะอยู่ในพิธีเปลี่ยนผ่านของการฝึกทหารในวันแรก โดยให้เหตุผลที่ซื่อตรงและน่าจดจำเอาไว้ว่าเจอมันในโรงครัวและอดไม่ได้ที่จะหยิบมา ถ้าปล่อยให้เย็นก็จะเสียของ เธอเลยตัดสินใจกินมันในตอนนี้เลย และยังมีใจอาจหาญที่จะแบ่งให้ครูฝึกสุดโหดจนโดนลงโทษให้วิ่งกว่า 5 ชั่วโมง
2
ซาช่าพูดพร้อมกับหยิบเนื้อก้อนโตออกมาจากเสื้อแจ็กเก็ต ท่ามกลางสีหน้าไม่สู้ดีของเพื่อนๆ ที่กลัวว่าถ้าถูกจับได้อาจถูกขังลืม เพราะเนื้อเป็นสิ่งหายากมากตั้งแต่สูญเสียพื้นที่ในกำแพงมาเรียไป พื้นที่ป่าสำหรับทำปศุสัตว์และล่าสัตว์ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นพื้นที่สำหรับทำการเกษตรไปหมด ทำให้เนื้อสักก้อนหนึ่งมีค่าราวกับทอง
ถึงแม้รู้ว่าหากถูกจับได้จะโดนลงโทษหนัก แต่สุดท้ายทุกคนก็ให้คำมั่นต่อกันและกันว่าเมื่อพักเที่ยงแล้วจะมากินเนื้อก้อนนี้ด้วยกัน แม้ว่าการพักเที่ยงนั้นจะไม่มาถึงเพราะการกลับมาอีกครั้งของไททันมหึมา
3
ในค่ำคืนก่อนปฏิบัติการชิงกำแพงมาเรียกลับมา หน่วยสำรวจเฉลิมฉลองด้วยเนื้อชิ้นโตที่ใช้งบอาหารสำหรับสองเดือนมาใช้ ทำให้ซาช่าผู้รักเนื้อเกิดอาการคลั่งไปชั่วขณะ แจนที่เข้ามาห้ามถึงกับถูกซาช่ากัดจมเขี้ยว
แต่เมื่อโคนี่กำราบซาช่าลงได้ โคนี่ก็มายืนรำลึกความหลังกับเอเรนถึงตอนที่ซาช่าแอบขโมยเนื้อมาแบ่งกันกิน ก่อนที่จะรู้ตัวว่าเวลาเหล่านั้นดูเหมือนยาวนานมาก แต่แท้จริงเพิ่งผ่านไปได้แค่สี่เดือนเท่านั้นเอง
4
ในวันที่ชาวบ้านถูกทำให้กลายเป็นไททัน หมู่บ้านรากาโคถูกทำลายราบเป็นหน้ากลอง ซาช่าพบกับเด็กหญิงถูกทิ้งไว้ในบ้านระหว่างขี่ม้ากลับไปยังหมู่บ้านที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านราโย
แม้ไม่มีอุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติ ไม่มีอาวุธสำหรับสังหารไททัน มีเพียงแค่ธนูหนึ่งคันและลูกธนูจำนวนเพียงแค่หยิบมือ ซาช่าก็ไม่รีรอที่จะเข้าไปช่วยเด็กหญิง และในนาทีที่คิดว่าอาจเป็นวาระสุดท้าย ความทรงจำในช่วงเวลาของการเป็นทหารฝึกหัดรุ่นที่ 104 ก็แจ่มชัดขึ้นมา ความทรงจำเหล่านั้นล้วนเป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่เกิดขึ้นได้ในทุกวัน แต่มีความหมายมากกับเธอ
5
คำถามจากเด็กหญิงที่เพิ่งช่วยเหลือออกมาที่ว่าทำไมซาช่าถึงใช้ประโยครูปสุภาพ (走ってください) ทำให้เธอนึกถึงคำถามเดียวกันที่เคยถูกยูมีร์ถามว่า เพราะต้องการซ่อนสำเนียงท้องถิ่นที่น่าอายเอาไว้หรือเปล่า และบอกให้ซาช่าเป็นตัวของตัวเอง ถ้าอยากพูดแบบไหนก็ให้พูดออกมา
ในวันนั้นซาช่าไม่ได้ตอบคำถามยูมีร์และพูดด้วยประโยครูปสุภาพต่อไป เมื่อนึกถึงความทรงจำนี้ขึ้นมาระหว่างที่พาเด็กหญิงหนีจากไททันอยู่ ซาช่าก็พูดด้วยประโยครูปธรรมดา (走って) เป็นครั้งแรกกับเด็กหญิงคนนั้น ก่อนจะยิงธนูเข้าไปที่ไททันที่กำลังวิ่งเข้ามาถึงตัวเธอ
* ประโยครูปสุภาพ ในภาษาญี่ปุ่นจะใช้กับคนที่ยังไม่สนิทสนมหรือคนที่อายุมากกว่า เด็กหญิงจึงตั้งคำถามกับซาช่าว่าทำไมซาช่าที่อายุมากกว่าถึงพูดด้วยประโยครูปสุภาพกับเธอ
* ประโยครูปธรรมดา ในภาษาญี่ปุ่นจะใช้กับเพื่อน คนที่อายุน้อยกว่า หรือคนที่สนิทสนมกันแล้ว แม้ซาช่าจะสนิทสนมกับเพื่อนๆ แล้ว เธอก็ไม่ได้เปลี่ยนมาใช้ประโยครูปธรรมดาเหมือนกับที่คนอื่นใช้กัน
6
การบังเอิญเจอกันของพ่อลูกที่ไม่ได้เจอกันนานกว่า 3 ปี ทำให้คุณเบลาส์ได้รู้ว่าซาช่าคนเดิมที่เคยต่อต้านเรื่องที่ทางการจะยึดพื้นที่ป่าที่เธอเติบโตมากับการล่าสัตว์เพื่อเพิ่มพื้นที่ทำการเกษตรสำหรับผู้คนในกำแพงมาเรียที่อพยพเข้ามานั้นไม่มีอีกต่อไปแล้ว
ลูกสาวของเขาได้เติบโตขึ้นอย่างงดงาม กลายเป็นหญิงสาวทหารกล้าผู้อุทิศหัวใจให้กับการช่วยเหลือผู้คนอย่างจริงใจโดยไม่ห่วงชีวิตของตนเองเลย
7
ในวันที่เหล่าทหารฝึกหัดรุ่นที่ 104 ต้องหันอาวุธมาสู้กันเอง เมืองที่เคยร่วมกอบกู้ไว้ถูกทำลายราบเป็นหน้ากลอง ซาช่าได้รับหน้าที่สำคัญให้ใช้หอกไฟฟ้าสู้กับ ‘ไรเนอร์ บราวน์’ เพื่อนเก่าที่กลายเป็นคนทรยศ
แม้การต่อสู้ครั้งนี้จะยากด้วยเหตุผลของสถานการณ์และเหตุผลของจิตใจ ซาช่าที่เติบโตและเข้มแข็งขึ้นมามากก็ตัดสินใจว่าในตอนนี้เธอไม่มีทางเลือก ถ้าไม่ยอมสู้ก็จะไม่ชนะ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเคยเป็นเพื่อนร่วมรบกันมาก่อนก็ตาม
8
คำว่า ‘เนื้อ’ แทบจะเป็นคำพูดที่ซาช่าพูดบ่อยที่สุด เป็นคำพูดที่ทำให้เราได้รู้ว่าเนื้อสำคัญกับซาช่ามาก จนเป็นหนึ่งในแรงผลักดันที่ทำให้เธอตัดสินใจเข้าร่วมเป็นทหารหน่วยสำรวจ เพราะถ้ายึดกำแพงมาเรียกลับมาได้ ผู้คนก็จะได้พื้นที่สำหรับทำปศุสัตว์มากขึ้น
เนื้อที่ปัจจุบันหายากและกลายเป็นสิ่งล้ำค่า จะกลายเป็นสิ่งพื้นฐานที่ใครๆ ก็สามารถหามากินได้ และ ‘เนื้อ’ ก็เป็นคำพูดสุดท้ายก่อนที่เธอจะหมดลมหายใจด้วยกระสุนสังหารของ ‘กาบิ บราวน์’ ลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนเก่าที่แบกเอาความแค้นขึ้นมาจากพื้นดินขึ้นมาบนน่านฟ้า และเหนี่ยวไกมวลความแค้นนั้นมุ่งปลิดชีวิตเธอ
แม้ซาช่าจะไม่มีชีวิตทันได้เห็นอนาคตของเกาะพาราดีส์ที่เธอวาดฝันไว้ แต่ 8 เหตุการณ์ที่ยกขึ้นมาก็ช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ‘สาวหัวมัน’ คนนี้ได้ใช้ชีวิตอย่างดี เป็นที่รักและคุ้มค่าที่สุดแล้ว
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า