ผู้นำโลกและนักการทูตระดับสูงออกแถลงการณ์ประณามกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่บุกเข้าไปใน US Capitol หรืออาคารรัฐสภาของสหรัฐฯ พร้อมเรียกร้องให้ทรัมป์ออกมายุติสถานการณ์ความรุนแรง
วานนี้ (6 มกราคม) กลุ่มผู้ประท้วงที่สนับสนุนทรัมป์ได้บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งสมาชิกสภาคองเกรสกำลังประชุมเพื่อรับรองผลการลงคะแนนของคณะผู้เลือกตั้ง และเตรียมประกาศให้ โจ ไบเดน เป็นประธานาธิบดีคนที่ 46 อย่างเป็นทางการ หลังคว้าชัยชนะเหนือทรัมป์ในการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
ล่าสุดมีผู้หญิงคนหนึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ม็อบบุกรัฐสภาครั้งนี้ โดยตำรวจยืนยันว่า เธอถูกยิงที่หน้าอก ส่วนรายละเอียดทางโฆษกตำรวจจะเปิดเผยให้ทราบต่อไป
เหล่าผู้นำโลกได้แสดงความกังวลต่อภาพความรุนแรงที่เกิดขึ้น โดยมองว่าเป็นเหตุการณ์ที่ ‘น่าตื่นตระหนก’ และ ‘ไร้ยางอาย’
นายกรัฐมนตรี จัสติน ทรูโด ของแคนาดา ทวีตข้อความว่า “ชาวแคนาดารู้สึกกังวลใจและเศร้าใจมากต่อการโจมตีที่พุ่งเป้าไปยังประชาธิปไตยของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรและชาติเพื่อนบ้านของเรา” และ “การใช้ความรุนแรงไม่มีวันที่จะลบล้างเจตนารมณ์ของประชาชนได้ ประชาธิปไตยของสหรัฐฯ จะต้องได้รับการธำรงไว้…และมันจะเป็นเช่นนั้น”
ด้านนายกรัฐมนตรี สกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลีย ประณามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นภาพความรุนแรงที่ “น่ากังวลใจอย่างมาก”
ส่วน จาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ทวีตว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นมันผิดมหันต์ หลักของประชาธิปไตยคือ สิทธิที่ประชาชนออกมาลงคะแนนเลือกตั้ง เสียงของพวกเขาได้รับการสดับรับฟัง นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางอำนาจอย่างสงบ ไม่ใช่ว่าต้องมาถูกม็อบโจมตีเพื่อล้มล้างเช่นนี้”
ผู้นำโลกหลายคนระบุชัดว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้องรับผิดชอบต่อการปลุกปั่นให้เกิดการจลาจลนี้ อาทิ นายกรัฐมนตรี เออร์นา โซลเบิร์ก ของนอร์เวย์ ที่ออกแถลงการณ์ว่า “สิ่งที่เรากำลังเห็นในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. คือการโจมตีประชาธิปไตยของสหรัฐฯ ที่มิอาจยอมรับได้ และประธานาธิบดีทรัมป์ต้องรับผิดชอบด้วยการยุติเหตุการณ์นี้ มันเป็นภาพที่น่ากลัวและน่าตกใจที่มันเกิดขึ้นได้ในประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา”
ขณะที่ สเตฟาน เลอเวน นายกรัฐมนตรีสวีเดน ทวีตว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์และสมาชิกสภาคองเกรสอีกหลายคนมีส่วนรับผิดชอบต่อสถานการณ์ที่บานปลายนี้… เราต้องเคารพในกระบวนการเลือกตั้งด้วยประชาธิปไตย”
บางประเทศเตือนประชากรของตนเองที่พำนักอยู่ในสหรัฐฯ ให้ระมัดระวังต่อสถานการณ์ความรุนแรง เช่น สถานทูตจีนในสหรัฐฯ ที่ออกแถลงการณ์เตือนประชาชนของตนให้ ‘ระแวดระวัง’ ต่อการประท้วงใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งตอนนี้รัฐบาลท้องถิ่นได้ประกาศเคอร์ฟิวฉุกเฉินแล้ว
ไม่เพียงเท่านั้น นักการทูตระดับสูงและผู้นำประเทศทั้งไอซ์แลนด์, ฝรั่งเศส, ออสเตรเลีย, โปแลนด์, เอกวาดอร์, โคลอมเบีย, สกอตแลนด์ และอีกหลายชาติ ได้ออกแถลงการณ์ย้ำเตือนรัฐบาลสหรัฐฯ ถึงบทบาทในฐานะต้นแบบประชาธิปไตยโลก พร้อมแสดงถึงความวิตกอย่าง ‘ไม่อยากเชื่อสายตา’ ว่าภาพการบุกอาคารรัฐสภาจะเกิดขึ้นได้ในสหรัฐฯ
สมาคมประวัติศาสตร์แห่งอาคารรัฐสภา (US Capitol Historical Society) ระบุว่า นี่ถือเป็นครั้งแรกที่อาคาร Capitol ถูกบุกโจมตี นับแต่สงครามในปี 1812
ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรป โจเซป บอร์เรล ชี้ว่า “นี่ไม่ใช่อเมริกา” และการกระทำของกลุ่มผู้ก่อจลาจลเป็น “การโจมตีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนต่อประชาธิปไตยสหรัฐฯ การโจมตีต่อสถาบันและกฎหมาย”
ด้านนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ของสหราชอาณาจักร ทวีตว่า “สหรัฐฯ คือสัญลักษณ์ของประชาธิปไตยทั่วโลก” ขณะที่ประธานคณะมนตรียุโรป ชาร์ล มีแชล ระบุว่า “สภาคองเกรสคือสถานสักการะทางประชาธิปไตย การที่ต้องมาเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ใน #WashintonDC มันสะเทือนใจมาก”
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: