หากมองจากแค่ตัวอย่าง ITO ตลอดมา ตลอดไป คือเธอ อาจดูเป็นภาพยนตร์โรแมนติกที่มาเสิร์ฟโมเมนต์แสนอบอุ่นของสองคู่รักอย่าง มาซากิ สุดะ และโคมัตสึ นานะ ให้แฟนๆ อย่างมีความสุข
แต่เมื่อเราเห็นชื่อของผู้กำกับอย่าง เซเซะ ทากาฮิสะ ผู้ถ่ายทอดเรื่องราวอันขมขื่น (แต่งดงาม) ของสองคู่รักที่ต้องเผชิญหน้ากับโรคร้ายมาแล้วใน The 8-Year Engagement (2018) เราก็มั่นใจได้แล้วว่า ITO จะต้องมีดีมากกว่าแค่ความโรแมนติกอบอุ่นหัวใจอย่างแน่นอน
เรื่องราวของ ITO ได้รับแรงบันดาลใจมาจากบทเพลงชื่อเดียวกันของ นากาจิมะ มิยูกิ บอกเล่าเรื่องราวความรักอันยาวนานของ เร็น (มาซากิ สุดะ) และอาโออิ (โคมัตสึ นานะ) ทั้งคู่เกิดในปีเฮย์เซย์ที่ 1 เริ่มรู้จักกันตอนอายุ 13 ปีที่ฮอกไกโด ก่อนที่จะพัฒนาความสัมพันธ์จนกลายเป็นรักแรกของกันและกัน แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งคู่ต้องต้องแยกจากกัน เร็นจึงยังคงรอคอยอาโออิอยู่ที่ซัปโปโร
เมื่อวันเวลาผ่านไป ทั้งคู่กลับมาเจอกันตอนอายุ 21 ปีที่โตเกียว แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้จังหวะความรักของเร็นและอาโออิเดินสวนทางกันอีกครั้ง จนเวลาล่วงเลยมาในปีเฮย์เซย์สุดท้ายที่ทั้งคู่อายุ 31 ปี ซึ่งยังไม่มีใครรู้ว่าโชคชะตาจะทำให้พวกเขากลับมาพบกันอีกครั้งหรือไม่
ภาพรวมเนื้อหาของ ITO ค่อนข้างเน้นหนักไปที่พาร์ตดราม่าของตัวละครมากกว่าการสร้างฉากโรแมนติกอบอุ่นหัวใจ ค่อยๆ พาผู้ชมไปทำความรู้จักกับสองตัวละครหลักอย่างเร็นและอาโออิ โดยแบ่งออกเป็นสองเส้นเรื่องที่ขนานกันไปเพื่อฉายภาพการเติบโตของทั้งคู่ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงช่วงชีวิตวัยทำงาน
เนื่องจากเนื้อหาของภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวในช่วงต้นของยุคเฮย์เซย์จนถึงวันเปลี่ยนรัชสมัยสู่ยุคเรวะ (ค.ศ. 1989-2019) ผู้กำกับก็ไม่พลาดที่จะนำเหตุการณ์สำคัญในยุคเฮย์เซย์มาบอกเล่าคู่ขนานไปกับเนื้อหาของภาพยนตร์ โดยไล่ตั้งแต่ วิกฤตซับไพรม์ (หรือวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์) วิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของสหรัฐอเมริกาที่เกิดขึ้นในปี 2008 ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกเป็นวงกว้าง, เหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิที่เกิดขึ้นในภูมิภาคโทโฮคุเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2011 โดยถือเป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น และเหตุการณ์เปลี่ยนผ่านของยุคสมัยจากเฮย์เซย์สู่เรวะในวันที่ 30 เมษายน ถึง 1 พฤษภาคม 2019
ITO จึงไม่ได้ทำหน้าที่พาผู้ชมไปติดตามเรื่องราวชีวิตของเร็นและอาโออิเพียงเท่านั้น แต่ยังพาเราไปรับชมเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นที่เคยเกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งของยุคสมัยเฮย์เซย์ และถูกบันทึกลงในเนื้อหาของภาพยนตร์ร่วมกันอีกครั้ง
พร้อมทั้งพาเราลงลึกไปถึงความรู้สึกของผู้คนชาวญี่ปุ่นในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านของยุคสมัยที่มีทั้งความปีติยินดีและการเผชิญหน้ากับวิกฤตครั้งประวัติศาสตร์ที่ไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงแค่ชีวิตและทรัพย์สิน แต่มันยังสร้างบาดแผลที่ฝังลึกลงไปในจิตใจของผู้คนอีกด้วย
เรื่องราวชีวิตตลอดระยะเวลาร่วม 30 ปีของเร็นและอาโออิจึงเปรียบเสมือนตัวแทนของผู้คนชาวญี่ปุ่นที่สะท้อนภาพของการก้าวผ่านช่วงเวลาแห่งความยินดีและความขมขื่นให้เราได้ชม
ซึ่งเราขอยกให้ ITO เป็นผลงานการแสดงที่เราชื่นชอบมากที่สุดของ มาซากิ สุดะ และโคมัตสึ นานะ ผู้รับหน้าที่ถ่ายทอดทุกห้วงอารมณ์ของสองตัวละครหลักอย่าง เร็น ชายหนุ่มผู้ทอดทิ้งความฝันวัยเด็ก และอาโออิ หญิงสาวที่ต้องเผชิญหน้ากับมรสุมชีวิต ซึ่งสุดะและนานะต่างถ่ายทอดความรู้สึกอันเปี่ยมล้นของสองตัวละครออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม
เมื่อเรื่องราวความรักของชายหนุ่มและหญิงสาวที่ถูกโชคชะตาจับให้พลัดพรากจากกันถูกถ่ายทอดผ่านเหตุการณ์ในโลกความเป็นจริง ITO จึงกลายเป็นภาพยนตร์โรแมนติกที่ไม่ได้อบอวลไปด้วยความรักแสนอบอุ่นอย่างที่ตัวอย่างนำเสนอ แต่ช่วยถ่ายทอดความจริงกับเราอย่างซื่อตรงว่าความฝันในวัยเด็กคือรสชาติที่หอมหวานที่สุด และความขมขื่นในชีวิตคือเรื่องปกติที่ทุกคนต้องเผชิญ แม้ว่าจะไม่มีใครอยากพบเจอมันก็ตาม
ขณะเดียวกันภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้ส่งมอบ ‘ความหวังเล็กๆ’ ให้ผู้ชมได้เติมเต็มพลังบวกในจิตใจ ก่อนที่ทุกคนจะก้าวออกจากโรงภาพยนตร์ไปเพื่อเผชิญหน้าโลกความเป็นจริง
เพราะทุกชีวิตต่างมีอดีตอันขมขื่นที่ไม่อาจหลีกหนี เราจึงต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันอย่างเข้าใจและก้าวต่อไปอย่างมีความสุข เช่นเดียวกับยุคสมัยที่ไม่เคยหยุดนิ่ง
ITO ตลอดมา ตลอดไป คือเธอ เปิดรอบพิเศษให้ชมตั้งแต่วันที่ 24-29 ธันวาคมนี้ และเข้าฉายอย่างเป็นทางการวันที่ 30 ธันวาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
สามารถรับชมตัวอย่างภาพยนตร์ได้ที่
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
