เกิดอะไรขึ้น:
ตฤณวรรธน์ ธนิตนิธิพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อินเตอร์ ฟาร์มา หรือ IP ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านการพัฒนา คิดค้น และจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและนวัตกรรมความงามสำหรับคน และผลิตภัณฑ์สุขภาพสำหรับสัตว์เลี้ยงและปศุสัตว์ ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเข้าซื้อกิจการ บจ.โมเดิร์น ฟาร์มา ว่าสามารถดำเนินการเจรจาบรรลุข้อตกลง พร้อมลงนามในสัญญาซื้อกิจการสำเร็จเรียบร้อยนับตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 ส่งผลให้ บจ.โมเดิร์น ฟาร์มา มีสถานะเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาทันทีหลังการลงนามในสัญญา
ทั้งนี้ บริษัทได้เจรจาต่อรองการรับประกันยอดขายเพิ่มเติม โดยปี 2563-2564 บจ.โมเดิร์น ฟาร์มา ต้องมียอดขายไม่ต่ำกว่าปีละ 200 ล้านบาท มิฉะนั้นผู้ขายจะต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหาย โดยกรณียอดขายต่ำกว่า 100 ล้านบาท ชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 20 ล้านบาท แต่หากยอดขายสูงกว่า 100 ล้านบาท แต่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท ผู้ขายต้องชดใช้ค่าเสียหายในอัตรา 10% ของส่วนต่างยอดขายที่ยังไม่ครบจำนวน 200 ล้านบาท เพื่อรักษาผลประโยชน์สูงสุดให้กับผู้ถือหุ้น
สำหรับการซื้อกิจการครั้งนี้ จะทำให้ IP ดำเนินกิจการได้ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ สามารถผลิตยาและย้ายฐานการผลิตโภชนบำบัดจากต่างประเทศมายังโรงงานแห่งนี้ตามแผนที่วางไว้ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิต เพิ่มขีดความสามารถการทำกำไร ผลักดันศักยภาพในการแข่งขันให้เพิ่มสูงขึ้น ต่อยอดสู่การเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ และนวัตกรรมความงามสำหรับคนแบบครบวงจร
กระทบอย่างไร:
ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 ที่บริษัทแจ้ง ตลท. ให้ทราบความคืบหน้าของดีลข้างต้น ราคาหุ้น IP ปรับตัวขึ้นราว 3% และเช้าวันนี้ (2 ธันวาคม) ราคาหุ้น IP ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดระหว่างวันที่ 13.50 บาท ก่อนที่จะอ่อนตัวลงมาปิดสิ้นวันที่ 13.10 บาท ลดลง 0.76%DoD เทียบกับ SET Index ที่ปรับลง 2.92 จุด หรือลดลง 0.21%DoD สู่ระดับ 1,417.95 จุด
มุมมองระยะสั้น:
เราคาดไตรมาส 4/63 ผลการดำเนินงานของ IP จะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ เพราะนอกจากธุรกิจหลักเดิมจะได้รับปัจจัยหนุนจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้น รวมทั้งความนิยมเลี้ยงสุนัขและแมวเป็นเพื่อนมากขึ้น อีกทั้งปัจจุบันยอดขายยังได้รับอานิสงส์จากมาตรการช้อปดีมีคืนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 ยังส่งให้ได้รับประโยชน์จากการเริ่มรับรู้ผลการดำเนินงานของธุรกิจใหม่ บจ.โมเดิร์น ฟาร์มา ซึ่งคาดจะหนุนให้ 4Q63 IP จะสร้างสถิติกำไรสุทธิรายไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และหนุนให้คาดปี 2563 IP จะมีกำไรสุทธิ 70 ล้านบาท เติบโต 61%YoY
มุมมองระยะยาว:
เรามีมุมมองบวกต่อ IP ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจโภชนบำบัด (Nutraceuticals) ของโรงพยาบาลชั้นนำหลายแห่งในไทย ซึ่งมีโอกาสเติบโตในระยะยาวจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น และการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทั้งนี้ปี 2564 เราคาด IP จะมีกำไรเติบโตสดใสราว 50%YoY เพราะนอกจากจะรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มปีเป็นครั้งแรกของ บจ.โมเดิร์น ฟาร์มา แล้ว เรามองว่าสินค้าเดิมจะยังได้รับการตอบรับที่ดีต่อเนื่อง
บวกกับปีหน้าบริษัทมีแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภค ซึ่งคาดจะได้กระแสตอบรับดีเช่นกัน อาทิ ผลิตภัณฑ์เพื่อลดความอ้วนหรือไขมันช่องท้อง ผลิตภัณฑ์เพื่อเสริมสรรมถภาพทางเพศชายและหญิง รวมทั้งผลิตภัณฑ์เวชสำอาง เช่น Filter ซึ่งคาดจะเริ่มกลับมาขายได้อีกครั้งหลังการขายหยุดชะงักไปในปีนี้ จากการรอเปลี่ยนสัญญากับคู่ค้าเพื่อให้ได้มาร์จิ้นที่ดีขึ้น และรอ อย. อนุมัติใหม่ปลายปีนี้
ขณะที่ปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในปีหน้า คือการจับมือกับพันธมิตรเพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในการทำธุรกิจหรือผลิตสินค้าใหม่ๆ อาทิ สินค้าสุขภาพเพื่อผู้สูงอายุ โดยมีวัตถุดิบหลักที่ใช้มาจากส่วนประกอบของปลา เป็นต้น ซึ่งคาดจะช่วยผลักดันการเติบโตของบริษัทในระยะยาว ส่วนความเสี่ยงที่ต้องติดตาม คือการออกสินค้าใหม่ให้ได้ตามระยะเวลาที่กำหนด เพราะกระบวนการขอขึ้นทะเบียนอาจล่าช้ากว่าที่วางไว้ การแข่งขันในตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพที่สูง และกระแสความนิยมในสินค้าที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีผลต่อศักยภาพการเติบโตของบริษัท
ข้อมูลเพิ่มเติม:
บจ.โมเดิร์น ฟาร์มา มีจุดแข็งด้านกิจการผลิตและจำหน่ายยารักษาและป้องกันโรคสำหรับคนและสัตว์ ซึ่งมีสัญญาขายล่วงหน้ากับโรงพยาบาลของรัฐหลายแห่ง โดยช่วง 9M63 มีรายได้จากการขาย 177.71 ล้านบาท มีกำไรสุทธิเกือบ 24 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิ 13.44% ขณะที่ปี 2562 มีรายได้จากการขาย 193 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเกือบ 10 ล้านบาท
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
