กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกโรงเตือน สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กลับมาทวีความรุนแรงอีกครั้งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา กำลังทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
คริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการ IMF กล่าวว่า เศรษฐกิจทั่วโลกยังจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือและแรงกระตุ้นจากภาครัฐอีกมาก และให้นานาประเทศระมัดระวังในการที่จะยุติแผนกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนเวลาอันควร
ขณะเดียวกัน แม้ว่าจะมีข่าวดีเรื่องวัคซีนต่อต้านไวรัสโควิด-19 แต่หนทางที่เศรษฐกิจทั่วโลกจะฟื้นตัวจนกลับคืนสู่ภาวะปกติยังคงเป็นไปได้อย่างยากลำบาก และการฟื้นตัวยังเสี่ยงที่จะถดถอยได้ทุกเมื่อ
ทั้งนี้ IMF ได้กล่าวเตือนไว้ในเอกสารสำหรับการประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางจาก 20 ประเทศเศรษฐกิจชั้นนำ (G20) ได้กล่าวถึงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่โลกกำลังเผชิญ โดยนอกจากประเด็นที่น่าวิตกอย่างการระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้ว ยังมีปัจจัยด้านสงครามการค้าและปัญหาภาวะโลกร้อนที่นานาประเทศทั่วโลกจำเป็นต้องให้ความใส่ใจด้วย
ขณะเดียวกัน ทาง IMF ยังได้คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ว่าจะหดตัว 4.4% ซึ่งนับได้ว่าเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี 1930 ก่อนคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกน่าจะกลับมาขยายตัวเติบโตได้ที่ 5.2% ในปีหน้า เพียงแต่การฟื้นตัวจะเกิดขึ้นบางส่วนและเกิดขึ้นไม่เท่ากันในทุกประเทศ
ในมุมมองของ IMF กิจกรรมทางเศรษฐกิจของทุกประเทศ ยกเว้นจีน จะยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปี 2019 และการฟื้นตัวเติบโตมีแนวโน้มจะเป็นไปอย่างเชื่องช้ามากขึ้น ในกรณีที่นานาประเทศต้องบังคับใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเข้มงวดยาวนานกว่าที่คาดการณ์กันไว้
“การเพิ่มของของผู้ติดเชื้อในหลายประเทศแสดงให้เห็นว่า สถานการณ์ขณะนี้ยากลำบากและไม่แน่นอนเพียงใด ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงจำเป็นต้องเดินหน้าดำเนินนโยบายกระตุ้นอย่างแข็งขัน” ผู้อำนวยการ IMF กล่าว
นอกจากนี้ แม้ว่าเศรษฐกิจของหลายประเทศในแถบยูโรโซน ตลอดจนสหรัฐฯ และญี่ปุ่น จะส่งสัญญาณการฟื้นตัวได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ กระนั้น IMF ก็เตือนว่า ผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 จะทำให้เกิดรอยแผลที่ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต โดยเฉพาะปัญหาด้านความเหลื่อมล้ำทางสังคม และปัญหาระดับหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นจนทำให้การลงทุนเป็นเรื่องยาก
คำเตือนของ IMF ในครั้งนี้ มีขึ้นท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลในหลายประเทศทั่วโลกที่เร่งเดินหน้าเจรจาออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยในสหรัฐฯ กำลังติดขัดกับการออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม หลังแผนช่วยเหลือภาคธุรกิจและบรรดาคนตกงานที่มีอยู่ใกล้จะสิ้นสุดลง ขณะที่ในอียู ความขัดแย้งระหว่างชาติสมาชิกก็ส่งผลต่อแผนกองทุนฟื้นฟู
จนถึงขณะนี้ นานาประเทศทั่วโลกได้ใช้เงินงบประมาณเพื่อตอบสนองต่อวิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้วประมาณ 12 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
