วันนี้ (20 พฤศจิกายน) พล.ต.ต. ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะโฆษก บช.น. กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎรที่หน้ารัฐสภา ถนนเกียกกาย และที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนพระราม 1 ซึ่งเกิดความเสียหายและความรุนแรงขึ้นทั้ง 2 จุด ว่าขณะนี้ทั้ง 2 คดีอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน เพื่อพิสูจน์ทราบระบุตัวบุคคลที่กระทำความผิดทั้ง 2 จุด เบื้องต้นสามารถระบุตัวบุคคลได้แล้วรวมมากกว่า 30 คน แบ่งเป็นในพื้นที่สถานีตำรวจนครบาล (สน.) บางโพ จากการชุมนุมที่หน้ารัฐสภา สามารถพิสูจน์ทราบบุคคลได้แล้ว 14 คน ในพื้นที่ สน.ปทุมวัน จากการชุมนุมกันที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สามารถระบุตัวและพิสูจน์ทราบบุคคลได้แล้ว 17 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้ที่กระทำความผิดจากการก่อความรุนแรง ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ และชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเข้าข่ายความผิดในหลายข้อหา อาทิ ความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การชุมนุม, กฎหมายอาญา ข้อหาสมคบกัน 10 คนเพื่อก่อความวุ่นวาย, ทำให้เสียทรัพย์, ทำร้ายร่างกายสาหัส, พยายามฆ่า, ความผิดตาม พ.ร.บ. ความสะอาด, และ พ.ร.บ. จราจรทางบก คาดว่าในสัปดาห์หน้าพนักงานสอบสวนจะเริ่มดำเนินการออกหมายเรียกผู้ต้องหาทั้งหมดมารับทราบข้อกล่าวหาตามขั้นตอนได้
ทั้งนี้ ประเด็นเรื่องการปะทะกันที่บริเวณหน้ารัฐสภา โฆษก บช.น. กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้เรียกตัวผู้ได้รับบาดเจ็บมาให้ปากคำได้แล้วรวม 3 คน โดยเป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนที่แยกบางโพ 1 คน และแยกเกียกกาย 2 คน ซึ่งมีทั้งผู้ชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร และผู้ชุมนุมกลุ่มปกป้องสถาบันฯ ส่วนลักษณะการก่อเหตุจะเป็นการจงใจก่อเหตุเพื่อหวังเอาชีวิต หรือเป็นการปกป้องคุ้มกันกลุ่มหรือไม่ ยังไม่สามารถเจาะจงประเด็นแรงจูงใจต่างๆ ได้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบแนววิถีกระสุน และพยานหลักฐานอื่นๆ เพิ่มเติม
ส่วนการจับกุมผู้ต้องหาจากกลุ่มปกป้องสถาบันฯ ที่พกพาอาวุธปืนเข้ามาร่วมชุมนุมด้วยนั้น พล.ต.ต. ปิยะ กล่าวว่า ขณะนี้ได้นำอาวุธปืนดังกล่าวไปตรวจสอบที่กองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อหาเอกลักษณ์เฉพาะของเกลียวกระบอกปืนและเข็มแทงชนวนแล้ว เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับหัวกระสุน และบาดแผลของผู้ได้รับบาดเจ็บทุกคน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
โฆษก บช.น. กล่าวอีกว่า สำหรับการชุมนุมของกลุ่มนักเรียนเลวในวันพรุ่งนี้ (21 พฤศจิกายน) ล่าสุด จากการตรวจสอบยังไม่พบว่ากลุ่มดังกล่าวมีการแจ้งขอชุมนุมมาที่ตำรวจ ซึ่งหากวันนี้ก่อนเวลา 14.00 น. ยังไม่แจ้งขอชุมนุม ก็จะถือว่าเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. การชุมนุม ส่วนการเตรียมกำลังดูแลการชุมนุมในวันพรุ่งนี้ จะมีการประชุมเพื่อจัดเตรียมกำลัง และวางแนวทางการป้องกันอีกครั้งในคืนนี้กับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง แต่เบื้องต้นในการควบคุมดูแลการชุมนุมครั้งนี้ จะมีการเพิ่มกำลังของกองร้อยควบคุมฝูงชนที่เป็นตำรวจหญิงมากขึ้น เนื่องจากผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ที่มาร่วมชุมนุมเป็นเด็กนักเรียนและเยาวชน เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงกับผู้ชุมนุม นอกจากนี้ จะมีผู้พิพากษาสมทบของศาลเยาวชน เจ้าหน้าที่สงเคราะห์เด็ก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชนมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ผู้ชุมนุมกลุ่มคณะราษฎรและกลุ่มนักเรียนเลว จะถูกแจ้งข้อหาเพิ่มตามในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นั้น
โฆษก บช.น. กล่าวว่า ตำรวจยืนยันว่าขณะนี้จะยังไม่มีการแจ้งข้อหาความผิดตามมาตรา 112 เนื่องจากต้องรอการพิจารณากำหนดขอบเขตการแจ้งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีอย่างชัดเจนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งในวันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายนนี้ พล.ต.ท. จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะมีการเรียกประชุมหน่วยที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดขอบเขตให้ชัดเจนก่อนที่จะดำเนินการบังคับใช้
สำหรับกรณีที่สมาชิกกลุ่มนักเรียนเลวมีการโพสต์ภาพหมายเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ที่ สน.ลุมพินี นั้น ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการเรียกไปเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 112 แต่เป็นการเรียกไปเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาความผิดตาม พ.ร.บ. การชุมนุม ไม่ได้เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 แต่อย่างใด
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์