วันนี้ (10 พฤศจิกายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีมีกลุ่มผู้ชุมนุมฝ่ายสนับสนุนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อวานนี้ ประกาศว่าพร้อมชนกับผู้ชุมนุมที่เห็นต่าง
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่รู้ว่าพร้อมชนที่ว่าคืออะไร แต่ถ้าหมายถึงการเผชิญหน้าพร้อมกระทบกระทั่งกัน คิดว่าไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา เพราะต่างคนต่างแสดงความคิดเห็นได้ในเรื่องที่เป็นประโยชน์และไม่ละเมิดกฎหมาย ซึ่งจะเห็นว่ารัฐบาลไม่ได้เข้าข้างใคร แม้กระทั่งทำผิดกฎหมาย รัฐบาลต้องดูแล เพราะไม่ต้องการให้ทุกคนเกิดผลกระทบซึ่งกันและกัน และไม่ต้องการให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น แต่เรื่องสำคัญที่สุดต้องมองอีกแง่ด้วย ในกรณีที่ชาวต่างชาติถูกทำร้ายร่างกาย ตนเห็นว่าเป็นเรื่องไม่สมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไทยด้วยกัน
“คนต่างชาติเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเท่าไร ถึงจะด้วยวาจาอะไรกันบ้าง แต่ก็ไม่ใช่เข้าไปทำร้ายเขาแบบนี้ มันเป็นการเสียภาพลักษณ์ของประเทศไทยและของคนไทยทั้งหมด เราเคยพูดไปแล้วว่าความเห็นที่แตกต่างทางการเมืองเป็นปกติวิถีทางประชาธิปไตย ก็อยู่ร่วมกันให้ได้สิ ไม่รู้สิ เราต้องอยู่ตรงกลางให้ได้ รัฐบาลและฝ่ายกฎหมาย เราก็พยายามอดทนอดกลั้นในหลายๆ เรื่อง ขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ด้วยที่เหนื่อยและเครียดเหมือนกัน เขาอดกลั้นเท่าไร เขาทำเพื่อใคร ทำเพื่อประชาชนส่วนใหญ่หรือเปล่า มันต้องไปดูตรงนั้นด้วย” พล.อ. ประยุทธ์กล่าว
พล.อ. ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ในเรื่องการเสนอข่าวอะไรต่างๆ ไปห้ามอะไรไม่ได้อยู่แล้ว แต่ทำอย่างไรก็ตามต้องไม่ให้สังคมวุ่นวายมากขึ้นไปเรื่อยๆ ดังนั้น ถือเป็นความรับผิดชอบของทุกคน รวมถึงความรับผิดชอบของตนและคนไทยทั้งประเทศด้วย ซึ่งขอยืนยันว่าจะพยายามไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งโดยเด็ดขาด และขออย่าฝ่าฝืนกฎหมายจนเกินเลยหรือเลยเถิดไป ซึ่งหากไม่ปฏิบัติ เจ้าหน้าที่ก็จะมีความผิด โดยขณะนี้พยายามใช้มาตรการอยู่แล้ว ทั้งนี้ หลายอย่างก็อยู่ในกระบวนการของรัฐสภา และหลายอย่างก็อยู่ในกลไกของการแก้ปัญหา ถ้าทุกคนไม่รับอะไรกันเลยจะไปทางไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณีม็อบทำร้ายชาวต่างชาติที่นายกรัฐมนตรีหยิบยกขึ้นมาพูดถึง คือกรณีการชุมนุมคณะราษฎรพัทยา จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดย นราธิวัฒน์ คำมา หรือ เคน หนึ่งในแกนนำที่ขึ้นปราศรัยใช้ศีรษะโขกเข้าที่ใบหน้าของ วราดีสลาฟ ทีมอคีน อายุ 52 ปี สัญชาติรัสเซีย จนได้รับบาดเจ็บ ต่อมานราธิวัฒน์ชี้แจงว่า ชาวต่างชาติคนดังกล่าวได้ชี้หน้าพูดเป็นภาษาอังกฤษกับผู้ชุมนุมว่าเป็นขยะ สร้างความเดือดร้อนให้พวกเรา เป็นไวรัสทำให้เศรษฐกิจแย่ลง จึงทำให้เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น
ขณะที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหานราธิวัฒน์ว่า ใช้กำลังทำร้ายผู้อื่น ได้รับบาดเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจ พร้อมส่งผู้เสียหายไปตรวจร่างกาย หากแพทย์ลงความเห็นว่าบาดเจ็บสาหัสก็จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม โดยทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ใช้เงินสด 10,000 บาท ประกันตัวออกไป
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล