วันนี้ (28 ตุลาคม) ที่ชั้น 5 อาคารไทยซัมมิท ทาวเวอร์ คณะก้าวหน้าแถลงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้สำนักงาน กกต. แจ้งความดำเนินคดีอาญากับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และอดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่อีก 15 คน รวม 16 คน จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากกระทำผิดมาตรา 66 ประกอบมาตรา 72 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง กู้ยืมเงิน 191.2 ล้านบาท จากธนาธร ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่
สำหรับการดำเนินคดีกับธนาธร จะเป็นความผิดฐานบริจาคเงินเกิน 10 ล้านบาท ตามที่มาตรา 66 วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 กำหนด ซึ่งจะมีโทษตามมาตรา 124 จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี
ขณะที่กับอดีตกรรมการบริหารจะดำเนินคดีฐานกระทำผิดมาตรา 66 วรรคสอง และมาตรา 72 ประกอบมาตรา 137 รับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคลโดยมีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาทต่อปี และรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด อันรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมีโทษตามมาตรา 125 และมาตรา 126 จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท
ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในฐานะอดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องคดีอาญา ก็ต้องย้อนกลับไปกรณีการยุบพรรคอนาคตใหม่เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมทั้งการเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรค 10 ปี โดยการยุบพรรคอนาคตใหม่ที่อาศัยเรื่องการกู้เงิน ความจริงก็มีปัญหาในทางกฎหมายและความชอบธรรมในหลายกรณี เป็นคดีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันเยอะมาก ทั้งในทางกฎหมาย การเงิน และการบัญชี ตนคิดว่าเรื่องนี้มีปัญหาตั้งแต่เรื่องของกระบวนการ เพราะ กกต. ทำกรณีนี้อย่างเร่งรัดและเร่งรีบผิดปกติ
ปิยบุตรกล่าวต่อว่า ถ้าจำกันได้มีการเริ่มต้นว่า จะริเริ่มในฐานความผิดการรับเงินบริจาคเกิน 10 ล้านบาท โดยอาศัยฐานความผิดตามมาตรา 66 แต่ก็มาเพิ่มฐานความผิดตามมาตรา 72 ด้วย เรื่องการรับเงินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ส่งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ จนนำมาซึ่งการยุบพรรคอนาคตใหม่ หลังจากนั้นพวกตนได้รับเอกสารว่า ในชั้นสืบสวนสอบสวนมีการยกคำร้องในชั้นคณะอนุกรรมการถึง 3 ครั้ง แต่ กกต. ชุดใหญ่ก็ร้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ปรากฏว่าคดีนี้ดำเนินการไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีการไต่สวนพยานบุคคล เป็นที่น่าสังเกตว่า ในขณะนั้นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหลายท่านหมดวาระ แต่หลังจากนั้นก็มีการสรรหาตุลาการชุดใหม่มาแทนที่หลังทำหน้าที่ตัดสินคดียุบพรรคอนาคตใหม่
ปิยบุตรกล่าวต่อไปว่า พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบไปเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พวกตนก็เดินหน้าในทางการเมืองและทางความคิดต่อ จึงก่อตั้งคณะก้าวหน้าขึ้นมา เมื่อเวลาผ่านไป 8 เดือนหลังพรรคถูกยุบ กกต. ได้มีมติดำเนินคดีอาญากับพวกตนต่อ แต่ตนมีข้อสังเกตว่าเมื่อวันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม มีนักร้องคนหนึ่งคือ สนธิญา สวัสดี ร้องไปที่ กกต. ว่าเมื่อไรจะดำเนินคดีอาญาพวกเราเสียที 7 วันถัดมา คือวันที่ 26 ตุลาคม กกต. ก็มีมติให้ดำเนินคดีอาญาต่อธนาธร ในฐานะที่เป็นผู้ให้กู้เงิน ตามมาตรา 66 ขณะเดียวกันก็ดำเนินคดีคณะกรรมการบริหารอีก 15 คนที่เป็นผู้รับเงิน
ปิยบุตรระบุว่า แม้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญจะมีผลผูกพันทุกองค์กร แต่ผูกพันเฉพาะในส่วนของผลคำวินิจฉัยเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องผูกพันศาลอื่นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีนี้เป็นการดำเนินคดีอาญา จึงไม่ผูกพันศาลอาญา เพราะหากตีความว่าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญผูกพันศาลอาญา แบบนี้จะเกิดผลประหลาดทันที ศาลรัฐธรรมนูญจะกลายเป็นศาลอาญาโดยปริยาย เพียงแต่ไม่ได้พิพากษาจำคุก
“เราพร้อมสู้คดีอย่างเต็มที่และเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ ผมเคยแถลงว่าภาพยนตร์ยุบพรรครอบนี้จะไม่จบแบบเดิม หากผู้กำกับภาพยนตร์ยุบพรรคอนาคตใหม่จะเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม ถือว่าเป็นการคิดผิด เพราะจะเป็นไฟลามทุ่ง 8 เดือนที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าไฟลามทุ่งจริงๆ” ปิยบุตรกล่าว
ปิยบุตรกล่าวอีกด้วยว่า ถ้าเราต้องการให้กระบวนการนิติสงครามหยุดสักที ก็ต้องสู้ ทั้งๆ ที่รู้กฎหมายไม่เป็นคุณแก่เรา หากไม่สู้กฎหมายก็จะบดขยี้กันต่อไป การสู้เท่านั้นถึงจะยุตินิติสงครามได้ หากผู้กำกับภาพยนตร์ยุบพรรคยังคิดเหมือนเดิมว่าทุกอย่างจะจบนั้น ท่านคิดผิดและไฟจะลามทุ่งกว่าเดิม
“คดีอาญาต้องใช้เวลา ไม่สามารถรวบรัดตัดความได้ทันที กระบวนเริ่มต้นที่ตำรวจ อัยการ และไปศาลตามระบบปกติ ถ้าว่ากันตามข้อเท็จจริงไม่มีอะไรต้องกังวล แต่กังวลเรื่องกระบวนการนิติสงครามมากกว่า ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทย สรุปว่ากระบวนการยุติธรรมถูกออกแบบมาเพื่ออำนวยความยุติธรรมแบบเสมอหน้า หรือเพื่อรับใช้บางคนเท่านั้น” ปิยบุตรกล่าว
ปิยบุตรกล่าวอีกว่า กระบวนการทำงานของ กกต. มีความผิดปกติ ไม่ได้เปิดเผยอย่างเป็นทางการ แม้ฝ่ายตนเองเป็นผู้ถูกดำเนินคดีก็ยังไม่ได้ทราบถึงการดำเนินการของ กกต. อย่างเป็นทางการ แต่กลับพบมติ กกต. จากข่าวที่ปรากฏตามสื่อมวลชน
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล