เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้วที่ The Pizza Company เลือกจัดโปรโมชัน ‘1 แถม 1’ ติดต่อกันในช่วงเดือนมีนาคมที่ถือเป็นเดือนเกิดของแบรนด์ ซึ่งเวลานี้โปรโมชันดังกล่าวได้กลายเป็นโปรที่ลูกค้าต่างรอคอย และวันนี้ไม่ได้เห็นเพียง The Pizza Company เท่านั้นที่ใช้โปรโมชันนี้ แต่ในช่วงเวลาที่กำลังซื้อยังซบเซาจากวิกฤตโควิด-19 ใครๆ ต่างก็งัดโปร 1 แถม 1 ขึ้นมาเพื่อดึงดูดกำลังซื้อ
“โปร 1 แถม 1 กลายเป็น Magic Promotion ไปเสียแล้ว เพราะคำนี้เข้าใจง่าย ไม่ต้องถอดรหัสความคุ้มค่าให้ยุ่งยาก เทียบให้เห็นภาพกับการลด 50% ทั้งๆ ที่ลดเหมือนกัน แต่ลูกค้ากลับชอบ 1 แถม 1 มากกว่า” ภาณุศักดิ์ ซื่อสัตย์บุญ ผู้จัดการทั่วไป The Pizza Company ภายใต้การดำเนินการของ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ THE STANDARD
แต่ก็ใช่ว่า Magic Promotion จะประสบความสำเร็จกับทุกแบรนด์ที่หยิบไปใช้ หากเป็นสินค้ากลุ่มอุปโภคบริโภคก็อาจจะไม่ได้การตอบรับที่ดีเท่ากับสินค้ากลุ่มอาหาร และใช่ว่าแบรนด์ร้านอาหารที่หยิบไปใช้จะประสบความสำเร็จเหมือนกันหมด เพราะสิ่งสำคัญอยู่ที่ Perception หรือการรับรู้ของผู้บริโภคต่างหาก
“สาเหตุที่ทำให้โปรโมชัน 1 แถม 1 ของ The Pizza Company ไม่ว่าทำปีไหนก็ได้รับการตอบรับที่ล้นหลาม ยอดขายเพิ่มขึ้น 1 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ เป็นเพราะสำหรับคนไทยแล้ว พิซซ่าถือเป็นอาหารที่ราคาค่อนข้างแพง คืออยู่ในช่วงราคา 300-500 บาท ดังนั้นเมื่อมีโปร 1 แถม 1 ลูกค้าจึงไม่ลังเลที่จะสั่งเลย”
ปกติแล้ว The Pizza Company จะจัดโปรโมชัน 1 แถม 1 ในช่วงเดือนมีนาคม และกินเวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์ โดยจะจัดแค่ปีละ 1 ครั้งเท่านั้น เพราะหากจัดมากเกินไปจะกลายเป็นการทำร้ายแบรนด์เอง เนื่องจากกลายเป็นว่าลูกค้าก็จะไม่รอช่วงเวลาเหล่านั้นอีกแล้ว แต่ในปีนี้สิ่งที่แตกต่างจาก 20 ปีที่ผ่านมาคือ The Pizza Company เลือกที่จะจัดเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ครั้ง
สาเหตุที่ทำให้ The Pizza Company ต้องเลือกจัดโปรโมชัน 1 แถม 1 เป็นครั้งที่ 2 ของปีเป็นเพราะต้องการกระตุ้นอารมณ์ของผู้บริโภคให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากกำลังซื้อซบเซาลงไปจากการระบาดของโรคโควิด-19 ที่สร้างผลกระทบอย่างมากกับเศรฐกิจของไทย
สิ่งที่แตกต่างจากโปรโมชัน 1 แถม 1 ที่ทำเป็นปกติคือในครั้งนี้ The Pizza Company เลือกที่จะจัด Emotional Campaign ภายใต้ชื่อ ‘พิซซ่าซึ้งๆ มาให้เธอ’ โดยจะเสิร์ฟพิซซ่าพร้อมข้อความกินใจทั้งในรูปแบบรับประทานที่ร้านและบริการจัดส่งถึงบ้านด้วยธงและกล่องรูปแบบพิเศษ โดยสามารถเลือกได้ถึง 21 ข้อความ จาก 7 หมวดความรู้สึก
ขณะเดียวกันได้หยิบ Music Marketing มาสร้างอารมณ์ร่วมให้กับผู้บริโภคด้วยการดึง Tilly Birds เจ้าเพลงของ คิด(แต่)ไม่ถึง และ จำเก่ง มาร่วมเรียบเรียงและขับร้องซิงเกิลรีเมก ‘ให้เธอ’ เพลงดังของ วสันต์ โชติกุล ในแบบฉบับของ Tilly Birds พร้อมกับมิวสิกวิดีโอตัวใหม่
The Pizza Company หวังว่าโปรโมชัน 1 แถม 1 นอกฤดูกาลที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 ตุลาคม ถึง 22 พฤศจิกายน จะกระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ให้เติบโตขึ้นอย่างน้อย 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งปกติแล้วในช่วงไตรมาสสุดท้ายช่วงไฮซีชันจะเป็นเดือนธันวาคม ซึ่งยอดขายจะเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับช่วงปกติ แต่ก็มีโลว์ซีซันอยู่ด้วยคือเดือนพฤศจิกายน ซึ่งการจัดโปรดังกล่าวได้เข้ามาอุดช่องว่างในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย
ปี 2020 นับว่าเป็นปีที่ค่อนข้างเหนื่อยสำหรับ The Pizza Company เพราะแม้ยอดขายรวมจะสามารถเติบโตได้ 5-6% ทว่าลูกค้าที่เดินเข้ามาที่ร้านยังไม่ได้คึกคักเหมือนที่ผ่านมา และการระบาดของโรคโควิด-19 ยังทำให้ The Pizza Company ต้องปิดร้านถาวรไปถึง 5 สาขา และยังมีร้านที่ต้องปิดชั่วคราวอยู่ราว 7 สาขา ส่วนใหญ่อยู่ในเมืองท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบัน The Pizza Company มีร้านทั้งหมด 426 สาขา
ก่อนหน้านี้ The Pizza Company ได้มีการออกสินค้าใหม่คือ ‘นิวยอร์กพิซซ่า XXXL 18 นิ้ว’ ซึ่งช่วยดึงให้ลูกค้าเดินเข้ามาที่ร้านมากขึ้นจาก 50% เมื่อเทียบกับช่วงปกติ กลายมาเป็น 80% ซึ่งเกือบเท่ากับช่วงก่อนที่จะมีการระบาดแล้ว เพราะลูกค้าที่หายไปราว 15% เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งวันนี้ยังไม่สามารถเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย ขณะเดียวกันนิวยอร์กพิซซ่า XXXL 18 นิ้ว ก็ขายดีถึงขนาดที่วัตถุดิบที่เตรียมไว้ขายหมดภายใน 1 สัปดาห์ ทั้งๆ ที่เตรียมไว้สำหรับ 4 สัปดาห์ด้วยกัน
“สิ่งที่จะเรียกลูกค้าให้สามารถเดินเข้าร้านได้คือความใหม่และความอร่อย หลังจากนั้นจึงเป็นความคุ้มค่า ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลัง The Pizza Company มีการออกเมนูใหม่ไปแล้วถึง 4 ครั้ง แต่เมนูที่ประสบความสำเร็จมากมีอยู่ 2 เมนูคือ นิวยอร์กพิซซ่า XXXL 18 นิ้ว และพิซซ่าขอบไก่ทอดซอสเกาหลีชีสระเบิด”
ปัจจุบันสัดส่วนยอดขายของ The Pizza Company ได้เปลี่ยนไปจากการนั่งรับประทานในร้าน ซื้อกลับบ้าน และเดลิเวอรีที่จะเท่าๆ กันหมด มาเป็นยอดเดลิเวอรีเพิ่มขึ้นกว่า 40% ขณะที่การนั่งรับประทานในร้านลดลงเหลือ 15-20% และมียอดขายเฉลี่ย 500 บาทต่อโต๊ะ ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนที่มียอดใช้จ่าย 600-700 บาทต่อโต๊ะ
สำหรับทิศทางการขยายสาขานั้น ในปีนี้ The Pizza Company จะยังไม่มีการขยายสาขา เนื่องจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาได้ขยายไปจำนวนมาก รวมแล้วกว่า 100 สาขา เมื่อประกอบกับสภาพกำลังซื้อ ทำให้การขยายสาขาจะขยับไปเป็นปีหน้าแทน โดยสาขาต่อไปจะมีขนาดที่เล็กลง ส่วนจะขยายกี่สาขาก็ต้องประเมินจากภาพรวมของเศรษฐกิจก่อน