สหราชอาณาจักรลงนามข้อตกลงการค้ากับญี่ปุ่น เป็นข้อตกลงการค้าฉบับแรกของสหราชอาณาจักร หลังถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยข้อตกลงฉบับนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศประมาณ 1.5 หมื่นล้านปอนด์
ลิซ ทรัสส์ เลขาธิการการค้าระหว่างประเทศของสหราชอาณาจักร กล่าวว่า นี่ถือเป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์ ข้อตกลงฉบับนี้จะนำ ‘ชัยชนะใหม่ๆ’ มาสู่ธุรกิจของสหราชอาณาจักรในอุตสาหกรรมการผลิต อาหารและเครื่องดื่ม และเทคโนโลยี
อย่างไรก็ดี นักวิจารณ์กล่าวว่า แม้ข้อตกลงการค้ากับญี่ปุ่นมีความสำคัญในเชิงสัญลักษณ์ แต่ข้อตกลงนี้จะช่วยเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหราชอาณาจักรเพียง 0.07% เท่านั้น ซึ่งเป็นเศษเสี้ยวหนึ่งของการค้าที่สหราชอาณาจักรอาจต้องสูญเสียไปหากออกจาก EU โดยปราศจากข้อตกลงการค้า
ทั้งนี้ ข้อตกลงที่ลงนามเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (11 กันยายน) ยังคงต้องรอการอนุมัติจากรัฐสภาญี่ปุ่น ซึ่ง โทชิมิตสึ โมเตกิ รัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่น คาดว่าน่าจะผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาภายในเดือนมกราคม
ทรัสส์กล่าวว่า ข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสหราชอาณาจักร-ญี่ปุ่น (UK-Japan Comprehensive Economic Partnership Agreement) นั้นหมายความว่า 99% ของสินค้าที่สหราชอาณาจักรส่งออกไปยังญี่ปุ่นจะไม่มีการเก็บภาษี
“ข้อตกลงที่เราเจรจากันภายในระยะเวลาที่รวดเร็วมากและในสถานการณ์ที่ท้าทายนั้นไปไกลกว่าข้อตกลงที่มีอยู่เดิมกับ EU เนื่องจากข้อตกลงฉบับนี้จะนำมาซึ่งชัยชนะใหม่ๆ สำหรับธุรกิจของสหราชอาณาจักรในอุตสาหกรรมการผลิต อาหารและเครื่องดื่ม และเทคโนโลยี
“ตั้งแต่แรงงานในอุตสาหกรรมยานยนต์ของเราในเวลส์ ไปจนถึงผู้ผลิตรองเท้าในภาคเหนือของอังกฤษ ข้อตกลงนี้จะช่วยให้เราฟื้นกลับมาได้ดียิ่งกว่าเดิม เนื่องจากจะช่วยสร้างโอกาสใหม่ๆ สำหรับประชาชนทั่วทั้งสหราชอาณาจักร และช่วยยกระดับประเทศของเรา”
ในทางยุทธศาสตร์ ข้อตกลงฉบับนี้เป็นก้าวสำคัญสู่การเข้าร่วมในความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Partnership) และวางสหราชอาณาจักรเป็นศูนย์กลางของเครือข่ายข้อตกลงการค้าเสรี
ขณะที่กรมการค้าของสหราชอาณาจักรระบุในแถลงการณ์ว่า นักลงทุนญี่ปุ่นรายสำคัญในสหราชอาณาจักร เช่น นิสสัน และฮิตาชิ อาจจะได้ประโยชน์จากภาษีที่ลดลงสำหรับชิ้นส่วนที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่น รวมถึงขั้นตอนตามกฎระเบียบที่กระชับขึ้น
ด้านนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน กล่าวว่า Brexit ทำให้สหราชอาณาจักรมีเสรีภาพในการทำข้อตกลงการค้ากับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ผู้นำภาคธุรกิจต่างขานรับข้อตกลงนี้ แต่ขณะเดียวกันก็เน้นย้ำว่า การบรรลุข้อตกลงกับ EU ยังคงเป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุดสำหรับสหราชอาณาจักร
อดัม มาร์แชล ผู้อำนวยการสภาหอการค้าแห่งสหราชอาณาจักร กล่าวว่า “แน่นอนว่าข้อตกลงนี้น่ายินดีปรีดา แต่การบรรลุข้อตกลงการค้ากับ EU ยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของภาคธุรกิจในสหราชอาณาจักร เราขอให้รัฐมนตรีทั้งหลายเพิ่มความพยายามเป็น 2 เท่า เพื่อบรรลุความร่วมมือกับคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเราในช่วงเวลาที่สำคัญยิ่งของการเจรจา”
นอกจากนี้สมาพันธ์อุตสาหกรรมสหราชอาณาจักร (CBI) ได้ชื่นชมข้อตกลงนี้เช่นกัน โดย แคโรลีน แฟร์แบร์น ผู้อำนวยการ CBI กล่าวว่า ช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่นี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของอีกหลายๆ เหตุการณ์สำคัญที่จะตามมา
“นี่เป็นโอกาสยิ่งใหญ่ที่จะนำมาซึ่งการลงทุนใหม่จากญี่ปุ่นในภาคอุตสาหกรรมและภูมิภาคต่างๆ ของสหราชอาณาจักร” แคโรลีนกล่าว
หลังจากเจรจากันมานานหลายสัปดาห์ ข้อตกลงแรกของยุค Brexit ก็บรรลุได้ในที่สุด ซึ่งจะทำให้ 99% ของสินค้าสหราชอาณาจักรสามารถเข้าสู่ญี่ปุ่นได้โดยไม่ต้องเสียภาษีหรือถูกเก็บภาษีเพิ่ม
อย่างไรก็ดี ในท้ายที่สุดแล้วข้อตลงนี้เป็นภาพสะท้อนข้อตกลงระหว่าง EU กับญี่ปุ่นที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน และด้วยการค้ากับญี่ปุ่นที่คิดเป็นสัดส่วนเพียง 2% ของการค้าทั้งหมดของสหราชอาณาจักร ดั้งนั้น GDP ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.07% ในระยะยาวนั้น จึงถือเป็นเศษเสี้ยวเล็กมาก เมื่อเทียบกับมูลค่าการค้าที่สหราชอาณาจักรอาจสูญเสียไปหากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับ EU
ทั้งนี้ ประมาณ 99% ของการส่งออกระหว่างสองประเทศจะปลอดภาษีภายใต้ข้อตกลงนี้ โดยมุ่งเน้นเป็นพิเศษไปที่ภาคอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม การเงิน และเทคโนโลยี ชิ้นส่วนการผลิตที่มาจากญี่ปุ่นจะได้ประโยชน์จากภาษีที่ลดลง ขณะที่เนื้อหมู เนื้อวัว และแซลมอน ของสหราชอาณาจักรจะได้รับประโยชน์ดังกล่าว
โทชิมิตสึ โมเตกิ รัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่น กล่าวว่า การเจรจานั้นยากมาก แต่ก็สามารถบรรลุข้อตกลงในหลักการได้ภายใน 3 เดือน ซึ่งถือว่าเร็วเป็นพิเศษ
“นอกจากสามารถรักษาการเข้าถึงตลาดสหราชอาณาจักรไว้ได้แล้วภายใต้ข้อตกลง Japan-EU EPA ในขณะเดียวกันเรายังได้ปรับปรุงการเข้าถึงตลาดสหราชอาณาจักรในภาคยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์บางรายการด้วย”
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
