เชื่อว่าทุกวันนี้เราเดินทางมาถึงยุคที่ผู้บริโภคทั่วโลก รวมถึงในบ้านเราเองต่างหันมาให้ความสนใจกับความพิถีพิถันในเรื่องราวของอาหารการกินมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่วัตถุดิบที่ใช้ กระบวนการผลิตและควบคุมคุณภาพ ก่อนที่จะตัดสินใจจับจ่ายกับอะไรสักอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุค New Normal ที่ผู้บริโภคมีโอกาสได้ใช้เวลาอยู่นอกบ้านน้อยลงกว่าเดิม ทำให้เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในแง่ของการเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุด การทดลองสิ่งใหม่ การตั้งคำถาม หรือการให้ความสำคัญกับดีไซน์มากขึ้น เพื่อให้ได้รับประสบการณ์อย่างคุ้มค่าที่สุด ‘น้อยแต่เยอะ’ ทำให้นอกจากจะเป็นการเปิดโอกาสให้เราได้เห็นการเกิดขึ้นของสินค้าใหม่ๆ มากขึ้นแล้ว ยังทำให้ผู้ผลิตและนักปั้นแบรนด์ทั่วโลกต้องเน้นการสร้าง ส่งต่อเรื่องราว และคุณภาพเพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้มากที่สุด
เช่นเดียวกับ Anheuser Busch InBev (AB InBev) กลุ่มบริษัทเจ้าของแบรนด์ Hoegaarden ที่ได้หยิบยกเอาเรื่องราวความพิถีพิถันในการสร้างแบรนด์ ‘rosée’ (อ่านออกเสียงว่า โรเซ่) มาทำการ Re-Branding ยกเครื่องแบรนด์ใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ภายในจนถึงภายนอก ให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน โดยโปรเจกต์นี้ถูกรังสรรค์โดย ZX Ventures หน่วยงานคิดค้นผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมออกสู่ตลาดโลกของ AB InBev ซึ่งนอกจากจะเป็นการปรับภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์แล้ว ยังช่วยบอกต่อเรื่องราวเบื้องหลังของเครื่องดื่มสีแดงทับทิมชนิดนี้ให้กับผู้บริโภคได้รับรู้ไปด้วยในเวลาเดียวกัน
‘ความพิถีพิถัน’ คือหนึ่งในเบื้องหลังความสำเร็จในการสร้าง New rosée แบรนด์เครื่องดื่มที่ต่อยอดจาก Hoegaarden สูตรดั้งเดิมที่คงคุณภาพและเอกลักษณ์จากวัตถุดิบชั้นเลิศจากธรรมชาติมายาวนานกว่า 575 ปี ได้แก่ ข้าวสาลี ฮ็อป ยีสต์ น้ำแร่ธรรมชาติ เปลือกส้มคูราเซา และเม็ดผักชี แต่ที่เพิ่มเติมคือรสชาติของราสป์เบอร์รีจากผลราสป์เบอร์รีสดแท้สายพันธุ์ Rubusidaeus Willamette ปลูกในแหล่งธรรมชาติบริเวณ South Tyrol ประเทศอิตาลี ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป
ZX Ventures ยังได้เล่าถึงเรื่องราวของราสป์เบอร์รีที่เปรียบเสมือนหัวใจสำคัญของ New rosée ผ่านภาพวาดลายเส้น โดยศิลปินชาวอิตาเลียนชื่อดัง ลงบนบรรจุภัณฑ์หลากหลายชนิด ซึ่งทางสตูดิโอเลือกใช้สีทับทิมแดง (Ruby Red) คุณภาพสีระดับพรีเมียมคลาสวาดลงไปบนพื้นหลังสีโลหะขาว (Metallic White) คู่สีที่นอกจากจะส่งเสริมให้ลายภาพวาดราสป์เบอร์รีที่โดดเด่นแล้ว ยังช่วยเติมความพรีเมียมให้กับบรรจุภัณฑ์ใหม่ รวมถึงการเลือกใช้ฟอนต์ที่ร่วมยุคสมัย ทำให้สาวกโรเซ่ทั่วโลกได้รับรู้เรื่องราวของประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน และเสน่ห์อันลึกซึ้งของการสร้างแบรนด์ที่ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างชัดเจนทันทีที่ได้เห็น
ที่พิเศษกว่านั้น ได้ยินมาว่าบรรจุภัณฑ์ดีไซน์ใหม่ล่าสุดนี้จะออกมาให้สาวกโรเซ่ทั่วโลกได้สัมผัสครบทุกรสทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบขวดแก้วสีชาขนาด 248 มิลลิลิตร ที่ถูกออกแบบและพิมพ์ใหม่ทั้งหมด ให้ดูเรียวเล็กกว่าเดิม เพื่อตอกย้ำความพรีเมียม โดยยังคงรูปทรงโบสถ์ประจำหมู่บ้าน Hoegaarden อันเป็นเอกลักษณ์ไว้ อีกทั้งยังมีในรูปแบบกระป๋องอะลูมิเนียมทรงเรียวขนาด 330 มิลลิลิตร ที่พิเศษสุด ยังเป็นครั้งแรกของ New rosée ที่ออกแบบบรรจุภัณฑ์กระป๋องยาวในขนาด 500 มิลลิลิตร เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคฝั่งเอเชียอีกด้วย และที่ลืมไม่ได้นั่นก็คือขวดใหญ่ รูปทรงคล้ายขวดแชมเปญสไตล์ยูโรเปียนขนาด 750 มิลลิลิตร และ 0.0% ก็ได้ถูกเปลี่ยนดีไซน์ของบรรจุภัณฑ์ใหม่เช่นกัน
ทั้งหมดนี้เพื่อนำเสนอประสบการณ์ความสดชื่นของรสชาติราสป์เบอร์รีจากแหล่งธรรมชาติที่ดีที่สุด เรื่องราวความพิถีพิถันในทุกๆ กระบวนการผลิต และตอกย้ำความเป็นพรีเมียมแบรนด์ด้วยศิลปะการเลือกใช้สีแดงทับทิมตัดกับสีขาวประกอบกับผลงานภาพวาดลายเส้นต้นราสป์เบอร์รี และลวดลายกราฟิกที่เป็นเอกลักษณ์ลงบน บรรจุภัณฑ์ที่หลากหลายสไตล์ยูโรเปียน ซึ่งบอกได้เลยว่าสาวกทั่วโลกจะได้สัมผัสผลงานดีไซน์ New rosée เร็วๆ นี้พร้อมกันแน่นอน
(#Newrosée)
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: