สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สดร. เปิดเผยข้อมูลผ่านเว็บไซต์ โดยระบุว่าในช่วงเช้ามืดวันที่ 8 กรกฎาคม 2563 ดาวศุกร์จะปรากฏสว่างที่สุดอีกครั้ง และเป็นครั้งสุดท้ายของปีนี้ สดร. จึงอยากชวนมาลุ้นถ่ายภาพดาวศุกร์ที่สว่างที่สุดกัน โดยดาวศุกร์จะสว่างเด่นเห็นชัดเจนด้วยตาเปล่า ทางทิศตะวันออกบริเวณกลุ่มดาววัว ตั้งแต่เวลาประมาณ 03.25 น. เป็นต้นไปจนถึงรุ่งเช้า
สำหรับปรากฏการณ์ดาวศุกร์ที่จะสว่างมากที่สุดในรอบปีนั้น สาเหตุเกิดจากที่ช่วงนี้ดาวศุกร์จะมีขนาดเสี้ยวค่อนข้างใหญ่ และโคจรห่างจากโลกในระยะทางที่เหมาะสม สำหรับในช่วงวันอื่นๆ แม้ดาวศุกร์จะมีเสี้ยวที่หนากว่า แต่ด้วยตำแหน่งอยู่ห่างจากโลกมาก ความสว่างจึงลดลงตามไปด้วย
ทั้งนี้ การสังเกตการณ์ดาวศุกร์ด้วยตาเปล่านั้น เราจะมองเห็นเป็นดาวสว่างที่สุดบนท้องฟ้า ไม่กะพริบแสง ซึ่งแสงสว่างจากดาวศุกร์นั้นเกิดจากการสะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์ หากสังเกตผ่านกล้องโทรทรรศน์ที่มีกำลังขยายตั้งแต่ 30 ขึ้นไป จะสามารถมองเห็นดาวศุกร์ปรากฏเป็นเสี้ยวอยู่เสมอ ส่วนความหนาบางของเสี้ยวจะแตกต่างกันไปในแต่ละตำแหน่งของวงโคจร และปรากฏอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ได้มากที่สุดไม่เกิน 47 องศา
จึงมักจะสังเกตเห็นดาวศุกร์ได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นหรือหลังดวงอาทิตย์ตกเท่านั้น ไม่เคยปรากฏอยู่กลางท้องฟ้าหรือในช่วงเวลาดึก ทั้งนี้ หากเห็นดาวศุกร์ทางทิศตะวันตกในช่วงหัวค่ำ คนไทยมักเรียกว่า ‘ดาวประจำเมือง’ หากเห็นดาวศุกร์ทางทิศตะวันออกในช่วงเช้ามืด คนไทยมักเรียกว่า ‘ดาวประกายพรึก’
สำหรับการถ่ายภาพดาวศุกร์ในช่วงสว่างที่สุดในรอบปีนั้น สามารถถ่ายภาพด้วยเทคนิคง่ายๆ ดังนี้
- เลือกใช้กล้องและเลนส์ที่เหมาะสมกับมุมรับภาพ โดยสามารถจำลองมุมรับภาพได้จากโปรแกรม Stellarium ดังภาพตัวอย่างด้านล่าง เป็นการเลือกใช้กล้องดิจิทัลแบบ Full Frame กับเลนส์ทางยาวโฟกัส 70 มิลลิเมตร ที่จัดองค์ประกอบภาพโดยให้ดาวศุกร์กับกลุ่มดาววัว และกระจุกดาวลูกไก่ไว่ในเฟรมเดียวกัน (อ่านต่อ เทคนิคการหามุมรับภาพจากโปรแกรม Stellarium ตามลิงก์: https://bit.ly/2Dcismp)
- คำนวณเวลาถ่ายภาพโดยใช้สูตร Rule of 400/600 เพื่อป้องกันไม่ให้ดาวยืดเป็นเส้น (รายละเอียดตามลิงก์ https://bit.ly/2VIaIPt)
- ใช้ Star Filter เพื่อให้ได้ดาวเป็นแฉกที่โดดเด่นสวยงาม ทั้งนี้ นอกจากการเพิ่มแฉกดาวด้วย Star Filter แล้ว เรายังสามารถสร้างแฉกดาวด้วยวิธีง่ายๆ ด้วยการขึงเอ็นเป็นรูปกากบาทไว้ที่ด้านหน้าเลนส์ ก็สามารถสร้างให้จุดดาวสว่างกลมๆ เป็นแฉกขึ้นมาได้
- ใช้ค่ารูรับแสงกว้าง เพื่อให้กล้องมีความไวแสงมากที่สุด เช่น f/1.4 หรือค่ารูรับแสงที่กว้างที่สุดของเลนส์ที่เรามี
- ใช้ค่าความไวแสงสูง (ISO) เพื่อให้ภาพไม่มืดมากเกินไป ทั้งนี้ ค่าความไวแสงนั้นจะขึ้นกับหลายปัจจัย ทั้งรูรับแสงและเวลาการเปิดรับแสงที่คำนวณจากสูตร Rule of 400/600
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: