ฉีกตัวมารับบอล ลากจี้เข้าหากองหลัง สับขาหลอกสองชั้นก่อนจะซัดเรียดด้วยซ้ายเข้าเสียบมุมเสาแรกอย่างแม่นยำราวกับวัดด้วยไม้บรรทัด
สิ่งที่เกิดขึ้นในการบรรยายข้างต้น คือจังหวะการทำประตูของ เมสัน กรีนวูด ไอ้หนูดาวรุ่งวัย 18 ปี ที่ทำประตูแรกในเกมที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดถล่มไบรท์ตัน 3-0 จนขึ้นอันดับที่ 5 ของตารางคะแนน
ประตูนี้ยังเป็นประตูที่ 6 ให้กับทีม ‘ปีศาจแดง’ และที่น่าทึ่งขึ้นไปอีกคือ มันเกิดขึ้นจากการลงสนามเป็นตัวจริงในพรีเมียร์ลีกเพียงแค่ 7 นัดเท่านั้น ขณะที่จำนวนประตูรวมในฤดูกาลนี้อยู่ที่ 12 ประตู จากการลงเล่น 42 นัด โดยมีของแถมเป็นการแอสซิสต์อีก 5 ครั้ง
ไม่เคยมีกองหน้าคนไหนในทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะยิงได้มากขนาดนี้ก่อนอายุครบ 19 ปี และไม่มีกองหน้าดาวรุ่งคนไหนในอังกฤษที่สามารถยิงประตูได้รวมทุกรายการได้มากเท่าที่กรีนวูดทำได้ในฤดูกาลนี้
ด้วยผลงานดังกล่าว จึงไม่น่าแปลกใจที่ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ จะออกปากชื่นชมเขาไม่น้อยไปกว่า บรูโน แฟร์นันด์ส ที่ทำคนเดียว 2 ประตูในเกมเดียวกัน และนำไปสู่คำถามสำคัญที่น่าขบคิดไม่น้อยสำหรับสาวกอสูรแดงทั้งหลาย
พวกเขายังจำเป็นต้องเดินเข้าตลาดนักเตะในช่วงซัมเมอร์ที่บิดเบี้ยวนี้เพื่อมองหานักเตะในแนวรุกเข้ามาเสริมทีมอีกหรือไม่?
ก่อนหน้าที่พวกเขาจะยกทัพเยือนสนามเอเม็กซ์ สเตเดียม มีรายงานข่าวสองชิ้นปรากฏขึ้นในหน้าสื่ออังกฤษ
ข่าวแรกคือการออกมายอมรับของโซลชาร์ด้วยตัวเองว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จำเป็นต้องมองหากองหน้าคนใหม่เข้ามาเสริมทีมอีก แม้ว่าในทีมจะมีนักเตะอนาคตไกลอย่าง อองโตนี มาร์กซิยาล, มาร์คัส แรชฟอร์ด รวมถึง กรีนวูด นายใหญ่ชาวนอร์เวย์พร้อมผลักดันให้ขึ้นมาเป็นกำลังหลักอย่างเต็มที่
เรื่องนี้น่าสนใจ เพราะผลงานของสามนักเตะดังกล่าวไม่ชวนให้รู้สึกว่าขี้เหร่แต่อย่างใด
แรชฟอร์ดและมาร์กซิยาลทำผลงานได้คนละ 19 ประตูในฤดูกาลนี้ โดยที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเองไม่เคยมีกองหน้าสองคนที่ยิงประตูได้เกินกว่า 20 ประตูพร้อมกันมาเป็นเวลา 9 ปีแล้ว ขณะที่กรีนวูด อย่างที่บอกว่าปีนี้ยิงไปแล้ว 12 ประตูด้วยกัน
อย่างไรก็ดี ในภาพรวมแล้วอดีตแชมป์ลีก 20 สมัยทำประตูได้น้อยมาก โดย 31 นัดที่ผ่านมาพวกเขายิงได้เพียง 48 ประตูในลีก น้อยกว่าแชมป์ทีมใหม่อย่างลิเวอร์พูล 22 ประตู และห่างไกลจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ถึง 29 ประตู
ในความเห็นของโซลชาร์ ผู้ที่มีประสบการณ์ตรงในการเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดที่ประสบความสำเร็จที่สุดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยการสร้างตำนานคว้าเทรเบิลแชมป์ในปี 1999 เชื่อว่าทีมยังต้องการการแข่งขันเพื่อทำให้ทุกคนรีดเค้นขีดความสามารถออกมาให้ถึงขีดสุด
“ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เราจำเป็นต้องมีการแข่งขัน ถ้าคิดว่าจะมาที่นี่แล้วจะได้ลงเล่นทุกนัดและทำผลงานได้ดี แล้วไม่ต้องหานักเตะเข้ามาเสริมทัพอีกก็ถือว่ามาผิดที่แล้ว”
ในช่วงที่ยังเป็นนักเตะ โซลชาร์ต้องเจอกับการแข่งขันตลอด และแม้จะถูกวางบทเป็น ‘ซูเปอร์ซับ’ แต่การมีเขาอยู่ในทีมทำให้นักเตะอย่าง แอนดี้ โคล, เท็ดดี้ เชอริงแฮม ไปจนถึง รุด ฟาน นิสเตลรอย ไม่สามารถจะนิ่งนอนใจได้
กรณีของ โอเดียน อิกาโล แม้จะทำผลงานได้ดีและยังเหลือเวลาอยู่กับทีมไปจนถึงต้นปีหน้า แต่กองหน้าวัย 31 ปีไม่ใช่อนาคตของทีม
อย่างไรก็ดี นักเตะที่มีข่าวกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอย่างหนักในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นช่วงก่อนหรือหลังโควิด-19 จะคุกคามมนุษย์ทั้งโลก กลับไม่ใช่นักเตะในตำแหน่งกองหน้าโดยตรง แต่เป็นปีกที่เป็นหนึ่งในครีเอเตอร์ที่ดีที่สุดในวงการฟุตบอลยุโรปช่วงสองฤดูกาลหลังที่ผ่านมาอย่าง จาดอน ซานโช
ตามรายงานข่าวจาก Sky Sports ระบุว่า ทางด้านแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังให้ความสนใจในตัวสตาร์ทีมชาติอังกฤษอยู่ เพียงแต่ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้พวกเขาอาจจะไม่ยอมทุ่มเงินเกินกว่า 50 ล้านปอนด์เพื่อจ่ายค่าตัวให้แก่โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
แต่ในเกมฟุตบอลนั้น ย่อมมีวงเล็บกับเรื่องการย้ายทีมเสมอว่า “อะไรก็เกิดขึ้นได้”
สำหรับ ซานโช ในเรื่องของพรสวรรค์การเล่นและขีดความสามารถนั้นไม่มีอะไรต้องสงสัย นักเตะรายนี้หากรักษาเนื้อรักษาตัวดีๆ ย่อมมีโอกาสจะก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดของวงการได้ ซึ่งแม้ว่าฟอร์มการเล่นหลังฟุตบอลกลับมารีสตาร์ทจะไม่น่าประทับใจนัก แต่ก็พอเข้าใจได้
นั่นเพราะเจ้าตัวมีอาการบาดเจ็บรบกวนมาก่อน คุณภาพของเกมฟุตบอลหลังการรีสตาร์ทก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ การไม่มีแฟนบอลเองก็มีส่วนอย่างมากในการลดทอนความทุ่มเทของผู้เล่นลง โดยเฉพาะกับนักเตะที่เกิดมาเพื่อเป็นเอ็นเตอร์เทนเนอร์อย่างซานโช ที่เสียงเชียร์ของแฟนบอลคือส่วนหนึ่งของการโชว์ที่อัศจรรย์
และอีกหนึ่งเหตุผลที่สำคัญคือเรื่องของ ‘สมาธิ’ ในการเล่นของซานโชที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่า ตัวของเขาสวมชุดเหลืองของดอร์ทมุนด์ แต่หัวใจของเขาอยากสวมชุดแดงของยูไนเต็ดเต็มทีแล้วหรือไม่
เรื่องความคิดที่จะย้ายทีมของซานโชไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับ บาดแผลในใจที่เกิดขึ้นในช่วงต้นฤดูกาลนี้กับดอร์ทมุนด์แม้จะทุเลาลงแต่ไม่ได้แปลว่ามันจะหายไป และเมื่อฟุตบอลบุนเดสลีกาปิดฉากแล้วแบบนี้ ก็น่าสนใจว่าเขาจะพยายามผลักดันให้เกิดการย้ายทีมหรือไม่
มันนำไปสู่คำถามที่น่าสนใจต่อมาว่า ถ้าเขาดื้อแพ่งกับต้นสังกัดขึ้นมา แล้วแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะตัดสินใจอย่างไร?
จะยอมเสี่ยงควักกระเป๋าด้วยเงินมหาศาลในระดับร้อยล้านปอนด์ตามที่ดอร์ทมุนด์ยืนกรานว่าจะไม่มีโปรโมชันโควิด-19 ลดราคาให้หรือเปล่า
อย่างไรก็ดี จากฟอร์มของกรีนวูดที่ทุกคนได้เห็น และฟอร์มของซานโชในช่วงที่ผ่านมา บางทีแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอาจไม่จำเป็นต้องลงทุนกับจอมเลื้อยซึ่งเป็นอดีตเด็กปั้นของแมนเชสเตอร์ ซิตี้แต่อย่างใด
เพราะตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าการลงทุนด้วยความเชื่อใจของโซลชาร์ที่มีต่อดาวรุ่งรายนี้ได้ผลตอบแทนกลับที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง กรีนวูดสามารถยกระดับการเล่นของตัวเองขึ้นมาจนดีเกินพอที่จะยึดตัวจริงในทีมเวลานี้ โดยที่ผลงานของเขาดีกว่า ฆวน มาตา หรือ เจสซี ลินการ์ด ซึ่งกลายเป็นคนที่ถูกลืมอย่างชัดเจน
ความร้ายกาจของกรีนวูดคือความสามารถในการจบสกอร์ ที่แม้กระทั่งอดีตดาวยิงพระกาฬอย่างโซลชาร์ยังยกย่องว่ามันเป็น Knack หรือพรสวรรค์ของเขา
เจ้าหนูวัย 18 ปีรายนี้มีการยิงประตูที่เฉียบขาดเหมือนใบมีดโกน และที่สำคัญคือเขาเล่นได้สองเท้า นั่นหมายถึงเป็นเรื่องยากที่คู่ต่อสู้จะดักทางได้ ซึ่งในส่วนนี้เขาดูเหนือกว่าซานโช ที่ถนัดในเรื่องของการสร้างสรรค์มากกว่าทำลายปราการประตูของคู่ต่อสู้
ขณะที่ในเรื่องของการสร้างสรรค์ แม้จะไม่ดีเท่าซานโช แต่กรีนวูดพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ โดยในเกมกับไบรท์ตัน เขายังมีส่วนในการเปิดบอลให้ บรูโน แฟร์นันด์ส ได้ประตูด้วย
ด้วยพรสวรรค์ในการเล่น ด้วยวัย ด้วยความเป็นสายเลือดของสโมสร กรีนวูดมีโอกาสที่จะก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในอนาคตได้ไม่ต่างจากที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด เคยทำได้มาก่อน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น หมายถึงความสำเร็จสูงสุดของสโมสรที่ไม่ต้องใช้เงินมหาศาลในการซื้อผู้เล่นจากทีมอื่น แต่ผลักดันดาวรุ่งจากอคาเดมีขึ้นมาใช้งานได้ และถือเป็นการลงทุนที่ดีที่สุด
สิ่งสำคัญหลังจากนี้คือ การที่กรีนวูดนอกจากจะต้องพยายามรักษามาตรฐานการเล่นให้ได้ ยังต้องพยายามพัฒนาขีดความสามารถของตัวเองขึ้นมาอีกด้วย
กระบวนการก้าวจากการเป็นดาวรุ่งขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมไม่ใช่เรื่องง่าย มีนักฟุตบอลพรสวรรค์มากมายล้มหายตายจากไปในระหว่างทาง
เพียงแต่ในเวลานี้แสงสว่างจากตัวของกรีนวูดนั้นเจิดจ้าและน่าจับตามองอย่างมากจริงๆ
ภาพประกอบ: แคทลียา แซ่ลิ้ม
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- https://www.telegraph.co.uk/football/2020/06/30/mason-greenwood-can-save-manchester-united-millions-transfer/
- https://www.telegraph.co.uk/football/2020/06/29/ole-gunnar-solskjaer-says-manchester-united-could-target-another/
- https://www.skysports.com/football/news/11667/12018469/mason-greenwood-giving-manchester-united-new-dimension-on-right-wing
- https://en.wikipedia.org/wiki/Mason_Greenwood
- https://www.transfermarkt.com/mason-greenwood/leistungsdaten/spieler/532826/plus/0?saison=2019
- เมสัน กรีนวูด ไม่ได้เกิดที่แมนเชสเตอร์ เพราะเขาเกิดที่แบรดฟอร์ด แต่มาอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดตั้งแต่อายุ 6 ขวบ จนถึงตอนนี้อยู่กับสโมสรมาแล้ว 12 ปี
- ในเดือนกรกฎาคม 2018 กรีนวูด ได้รับโอกาสในการเดินทางไปกับทีมในการทัวร์พรีซีซันด้วย ก่อนจะได้โอกาสลงแจ้งเกิดครั้งแรกในเกมยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก เมื่อฤดูกาลที่แล้วกับปารีส แซงต์ แชร์กแมง โดยได้ลงสนามมาแทน แอชลีย์ ยัง ในนาทีที่ 87
- กรีนวูดยิงประตูแรกให้ยูไนเต็ดได้ในเกมอุ่นเครื่องนัดถล่มลีดส์ ยูไนเต็ด ทีมคู่แค้นดั้งเดิม 4-0 ก่อนจะยิงประตูในทีมชุดใหญ่อย่างเป็นทางการได้ในเกมยูโรปาลีก นัดพบกับแอสตานา ทำสถิตินักเตะอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ด้วยวัย 17 ปีกับอีก 353 วัน
- จริงๆ แล้วกรีนวูดไม่ได้เริ่มจากการเล่นกองหน้า เขาเป็นกองกลาง แต่ถูกดันขึ้นมายืนศูนย์หน้า ซึ่งโซลชาร์เคยกล่าวถึงเจ้าหนูว่า สามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งในแนวรุก