วันนี้ (1 พฤษภาคม) นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อวิถีการดำเนินชีวิต และเศรษฐกิจของประเทศ ถึงแม้ในปัจจุบันสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายลงในระดับหนึ่งแล้ว แต่ประชาชนบางรายก็อาจจะยังมีความวิตกกังวล ยิ่งผู้ที่อยู่ในพื้นจังหวัดที่มีการระบาดของโรคยิ่งเกิดความวิตกกังวล อยากจะหาวิธีการป้องกันตนเองและครอบครัวจากโรค ทำให้สถานพยาบาลบางแห่งฉวยโอกาสจากความกลัวของประชาชน แอบอ้าง หรือทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนต่อบริการของสถานพยาบาล ว่าสามารถสร้างภูมิคุ้มกัน หรือรักษาอาการของโรคโควิด-19 อาทิ การให้บริการฉีดวัคซีน ฉีดวิตามิน หรือการให้โอโซน ฯลฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเป็นกังวลอย่างยิ่ง
ดังนั้น เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ มาตรฐาน และปลอดภัย กรม สบส. จึงได้ประชุมหารือร่วมกับรองศาสตราจารย์ (พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย และผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กรมควบคุมโรค กรมการแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และแพทยสภา ซึ่งผู้ทรงคุณวุฒิฯ ต่างมีความคิดเห็นตรงกันว่า การให้บริการฉีดวัคซีน ฉีดวิตามิน หรือการให้โอโซน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหรือต้านโรคโควิด-19 นั้น ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หรืองานวิจัยที่ยืนยันได้แน่ชัดโดยปราศจากข้อโต้เถียงทางการแพทย์ ว่าบริการทางการแพทย์ในลักษณะดังกล่าวสามารถสร้างภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 ประชาชนจึงควรหลีกเลี่ยงการรับบริการ เพราะอาจจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพได้ และการที่สถานพยาบาลชักชวนให้ประชาชนรับบริการ โดยอ้างว่าสามารถป้องกันโรคได้นั้น ยังถือว่าเป็นการโฆษณาเป็นเท็จโอ้อวดเกินจริงอีกด้วย
ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวต่อว่า สำหรับโทษของผู้ที่กระทำการโฆษณาเป็นเท็จโอ้อวดเกินจริง หรือน่าจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับการประกอบกิจการของสถานพยาบาล ตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2559 กำหนดให้ผู้กระทำความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาทจนกว่าจะระงับการโฆษณา
ต้องขอเน้นย้ำกับประชาชนว่า การรับบริการทางการแพทย์ประเภทใดก็ตามจะต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน อย่าด่วนตัดสินใจด้วยคำโฆษณา หรือคำบอกเล่าจากบุคคลอื่น เพราะหากได้รับบริการทางการแพทย์ที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐานแล้ว นอกจากจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย ยังเป็นการเสียทรัพย์สินโดยไม่จำเป็น อย่างกรณีข้างต้นเพียงประชาชนใส่ใจต่อพฤติกรรมสุขภาพ มีการเว้นระยะห่างทางสังคม สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อออกจากที่พัก และล้างมือให้บ่อย ก็สามารถสร้างภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 ได้โดยไม่ต้องเสียทรัพย์สินแต่อย่างใด
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์