กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก (OPEC) และประเทศพันธมิตรนอกกลุ่มซึ่งรวมเรียกว่า OPEC+ บรรลุข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ในการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ 10% เพื่อแก้ปัญหาภาวะดีมานด์ชะลอตัวอย่างหนักจากวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก
กลุ่ม OPEC นำโดยซาอุดีอาระเบีย และพันธมิตรนอกกลุ่มที่นำโดยรัสเซีย ได้จัดการประชุมทางไกลผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เมื่อวานนี้ (12 เมษายน) และเห็นพ้องให้ปรับลดการผลิตน้ำมันครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยทำมา ซึ่งเดิมสมาชิกส่วนใหญ่ตกลงในหลักการกันได้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา แต่เม็กซิโกไม่เห็นด้วยกับการปรับลดการผลิตดังกล่าว
ข้อตกลงนี้กำหนดให้ชาติสมาชิก OPEC+ ลดการผลิตน้ำมันดิบปริมาณ 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ซึ่งมากกว่าที่เคยปรับลดในปี 2008 จากนั้นประเทศต่างๆ จะค่อยๆ ผ่อนคลายมาตรการไปจนถึงเดือนเมษายน ปี 2022
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ซึ่งกดดันให้ OPEC+ เร่งทำข้อตกลงโดยเร็วเพื่อลดความผันผวนในตลาดน้ำมัน ระบุในทวิตเตอร์ว่า ข้อตกลงนำ้มันฉบับสำคัญนี้จะช่วยไม่ให้แรงงานหลายแสนตำแหน่งในภาคพลังงานของสหรัฐฯ ต้องตกงาน ขณะเดียวกันก็ขอบคุณประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย และสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด กษัตริย์แห่งซาอุดีอาระเบียที่ช่วยกันผลักดันดีลนี้จนสำเร็จ
“ผมเพิ่งพูดคุยกับพวกเขา เป็นข้อตกลงที่ยอดเยี่ยมสำหรับทุกฝ่าย” ทรัมป์ระบุ
ข้อตกลงดังกล่าวช่วยหนุนราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นในเช้าวันนี้ โดยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์ในตลาดเอเชีย พุ่งขึ้น 3.9% แตะ 32.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) พุ่งขึ้น 6.1% สู่ระดับ 24.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: