Ralph Lauren ถือได้ว่าเป็นแบรนด์แฟชั่นระดับมหาชนเจ้าแรกๆ ที่ได้ออกมาเปิดเผยมาตรการและนโยบายอย่างชัดเจนต่อผู้ถือหุ้นในเรื่องการประคองธุรกิจช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ส่งผลอย่างไม่รู้จบ โดยเน้นการลดค่าจ้างและเงินเดือนพนักงานระดับสูงเป็นหลัก
สำหรับผู้ก่อตั้งแบรนด์เองอย่าง ราล์ฟ ลอเรน ที่รับตำแหน่ง Executive Chairman และ Chief Creative Officer ก็จะไม่รับเงินเดือนปีหน้า (2021) ทั้งปี ร่วมถึงเงินโบนัสของปีนี้ (ปี 2019 เขาก็ได้รับทั้งหมดไป 11 ล้านดอลลาร์ หรือราว 360 ล้านบาท)
ส่วน แพทริซ ลูเวต ในตำแหน่ง Chief Executive Officer และประธานบริษัท ก็จะโดนลดเงินเดือน 50% ตลอดช่วงวิกฤต และพนักงานในตำแหน่งระดับสูงอีก 140 คนทั่วโลก ก็จะโดนลดเงินเดือน 20% ช่วงไตรมาสแรกของปี 2021 ซึ่งนอกเหนือจากนั้น ทางบอร์ดของบริษัทก็จะไม่ได้รับเงินชดเชยสำหรับไตรมาสแรกของปี 2021
เหตุผลที่ทางแบรนด์ต้องสร้างมาตรการนี้ออกมา ก็เพราะต้องนำเงินส่วนหนึ่งไปใส่ในกองทุน Employee Relief Fund ช่วยเหลือพนักงานที่ประสบปัญหาในช่วงเวลาวิกฤต ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ทางแบรนด์ก็ได้เผยว่า มูลนิธิ Ralph Lauren Corporate Foundation จะบริจาคเงินกว่า 10 ล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือปัญหาต่างๆ รวมทั้งผลิตชุดคลุม (Isolation Gown) 25,000 ชุด และหน้ากากอีก 250,000 ชิ้น สำหรับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ในอเมริกา
สำหรับพนักงานร้านของ Ralph Lauren ทางแบรนด์ก็จะจ่ายค่าจ้างจนถึงวันที่ 11 เมษายนนี้ หลังได้จ่ายเงินมาตลอดตั้งแต่ร้านทั่วโลกถูกปิดลงช่วงเดือนมีนาคม และทางแบรนด์จะไม่จ่ายเงินค่าจ้างชั่วคราวตั้งแต่ 12 เมษายน จนถึง 1 มิถุนายน ซึ่งทางแบรนด์ยังไม่เปิดเผยตัวเลขจำนวนพนักงานที่โดนผลกระทบ แต่ทุกคนก็ยังจะได้รับค่าสวัสดิการต่างๆ ของบริษัทเหมือนก่อน และจะได้การช่วยเหลือจากภาครัฐ
“เราจะเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ในทุกประเทศที่เรามีกิจการอยู่ต่อไปเรื่อยๆ โดยเราต้องศึกษามาตรการของภาครัฐและองค์การอนามัยโลกให้รอบคอบ ก่อนตัดสินใจว่าจะให้ร้านกลับมาเปิดได้ตอนไหน แต่เราก็ยังมีความหวังอยู่ เห็นได้จากสถานการณ์ของประเทศจีนและเกาหลีใต้ที่ดีขึ้น และร้านค้าเกือบทั้งหมดของเราก็กลับมาเปิดให้บริการ ซึ่งเราจะนำบทเรียนไปใช้ในการบริหารร้านในประเทศอื่นๆ ในอนาคต” ทางตัวแทนของแบรนด์ Ralph Lauren กล่าวทิ้งทาย
ภาพ: Desiree Navarro / WireImage
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
