การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ทำให้ราคาอาหารและสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันเพิ่มขึ้น สร้างแรงกดดันให้กับค่าใช้จ่ายในครัวเรือนของชาวจีน
รายงานจาก CNN Business ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อผู้บริโภค (Consumer Price Inflation) ของจีนพุ่งขึ้น 5.4% ในเดือนมกราคม เป็นการปรับตัวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2011 ซึ่งจีนกำลังพยายามควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นหลายเดือนติดต่อกัน
อาหารคิดเป็นค่าใช้จ่ายเกือบ 1 ใน 3 ของครัวเรือนจีน โดย ‘เนื้อหมู’ มีราคาพุ่งสูงที่สุดถึง 116% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบมาจากการระบาดของไข้หวัดหมูแอฟริกัน ด้านผักมีราคาเพิ่มขึ้น 17% ในขณะที่ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เช่น ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพเพิ่ม 2.3% ส่วนเสื้อผ้าเพิ่ม 0.6%
การกักตุนอาหารเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลเรื่องสถานการณ์การระบาดซึ่งยังไม่มีวี่แววจะคลี่คลาย ทางการจีนกล่าวว่า จะเพิ่มการนำเข้าเนื้อสัตว์และสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน ตลอดจนควบคุมราคาสินค้าและเวชภัณฑ์
ปลายเดือนที่แล้วหน่วยงานกำกับดูแลในเซี่ยงไฮ้ได้ปรับซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งเป็นจำนวน 2 ล้านหยวน หรือ 9.7 ล้านบาท หลังพบว่าซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้เพิ่มราคาสินค้าสูงถึง 692% นอกจากนี้ยังมีการปรับซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งในเจิ้งโจว เมืองในเขตภาคกลาง เป็นจำนวนเงิน 5 แสนหยวน ประมาณ 2.2 ล้านบาท เนื่องจากขายกะหล่ำปลีกิโลกรัมละ 60 บาท
ศาลสูงของแดนมังกรกล่าวเมื่อเร็วๆ นี้ว่า การตั้งราคาในภาวะไม่ปกติ หรือ Price Gouging อาจถูกลงโทษด้วยการติดคุก
ขณะเดียวกันยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซหลายแห่ง เช่น Alibaba, JD.com และ Meituan ได้ประกาศว่า จะตรวจสอบราคาสินค้าที่ขายบนแพลตฟอร์มอย่างใกล้ชิด และจะลบรายการที่มีราคาสูงเกินปกติออกไป
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
