ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รอดพ้นจากการถูกถอดถอนในกระบวนการทางรัฐสภาตามความคาดหมาย เมื่อวุฒิสภาที่มี ส.ว. จากพรรครีพับลิกันครองเสียงส่วนใหญ่ลงมติคัดค้านการถอดถอนทรัมป์ในข้อกล่าวหาใช้อำนาจในทางมิชอบ จากกรณียืมมือรัฐบาลยูเครนมาช่วยสอบสวนการทุจริตของคู่แข่งทางการเมือง ซึ่งเข้าข่ายแทรกแซงการเลือกตั้ง
สำหรับขั้นตอนการถอดถอนประธานาธิบดีในวุฒิสภานั้นต้องใช้เสียงสนับสนุนจาก ส.ว. อย่างน้อย 67 คน หรือ 2 ใน 3 ของวุฒิสภา โดยเมื่อวานนี้มีการพิจารณาในสองญัตติคือข้อหาใช้อำนาจโดยมิชอบและขัดขวางการทำหน้าที่ของสภาคองเกรส ซึ่งทั้งสองญัตติถูกโหวตตกด้วยคะแนน 52-48 และ 53-47 ตามลำดับ โดย มิตต์ รอมนีย์ ส.ว. รัฐยูทาห์ เป็นสมาชิกจากรีพับลิกันหนึ่งเดียวที่โหวตถอดถอนทรัมป์ในญัตติแรก
การลงมติครั้งนี้นับเป็นการยุติกระบวนการถอดถอนประธานาธิบดีครั้งประวัติศาสตร์ซึ่งผลักดันโดย ส.ส. จากพรรคเดโมแครต โดยเมื่อปลายปีที่แล้ว ส.ส. เดโมแครตได้ไต่สวนพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องหลายคน และโหวตเห็นชอบในมติถอดถอนเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม
ทรัมป์ถูกเพ่งเล็งว่าใช้อำนาจในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ พยายามกดดัน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ให้ช่วยสอบสวน โจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดี เกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อนในบริษัทพลังงานยูเครนที่ ฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชาย เป็นหนึ่งในสมาชิกบอร์ดบริหาร โดยทรัมป์ยังถูกกล่าวหาว่านำเงินช่วยเหลือด้านการทหารมาเป็นเครื่องต่อรองให้รัฐบาลยูเครนทำตามข้อเรียกร้องด้วย
ในอดีตมีประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพียง 2 คนที่เคยถูกยื่นถอดถอนโดยสภาล่าง ได้แก่ แอนดรูว์ จอห์นสัน และบิล คลินตัน ซึ่งทั้งสองก็รอดจากการโหวตในวุฒิสภาหรือสภาสูงเช่นกัน แต่หากเมื่อวานนี้ทรัมป์ถูกโหวตถอดถอนจะกลายเป็นประธานาธิบดีคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ถูกขับพ้นจากตำแหน่ง และจะมีผลให้ ไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีขึ้นรับตำแหน่งแทน
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: