ในยามปกติแล้ว หากเอ่ยถึงชื่อของเกม ‘เอลกลาสิโก’ เราจะนึกถึงสงครามลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นในเชิงประวัติศาสตร์ ในเชิงของเกมกีฬา และในเชิงของมูลค่าทางการตลาดที่สูงที่สุดในโลก
แต่เกมเอลกลาสิโก หรือเอลดาร์บี ที่คนรุ่นก่อนรู้จักกัน ซึ่งมีคิวจะลงสนามในค่ำคืนนี้ที่คัมป์นู ไม่ใช่การพบกันแบบปกติที่เราคุ้นเคยกันมาในช่วงหลายสิบปีหลังครับ
จริงอยู่ที่สถานการณ์บนอันดับตารางฟุตบอลลาลีกาสเปน กำลังทวีความเข้มข้นเพราะเวลานี้ทั้ง บาร์เซโลนา และ เรอัล มาดริด มีคะแนนเท่ากันที่ 35 คะแนน โดยบาร์เซโลนาได้เป็นจ่าฝูงเพียงเพราะเรื่องของผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่า
แต่สิ่งที่หลายฝ่ายให้ความสนใจมากกว่าคือคำถามสำคัญสองเรื่อง
เกมนัดนี้จะจัดขึ้นตามกำหนดการเดิมได้ไหม?
และหากจัดขึ้นแล้วจะปลอดภัยสำหรับทุกคนหรือเปล่า – โดยเฉพาะกับฝั่งทีมเยือนอย่าง เรอัล มาดริด
ที่มาของสองคำถามนี้เกิดขึ้นเพราะสถานการณ์ความไม่ปกติทางการเมืองในแคว้นกาตาลุญญา ที่มีการชุมนุมเพื่อเรียกร้องเอกราชให้กับชาวคาตาลัน ซึ่งนำไปสู่การปราบปรามอย่างรุนแรงเมื่อสองเดือนที่แล้ว มีการจับกุมผู้นำในการชุมนุม 9 คน โดยแต่ละคนถูกตัดสินลงโทษจำคุกตั้งแต่ 9-13 ปีในคดีการเมืองนี้
เหตุการณ์วุ่นวายในช่วงเวลานั้นทำให้ลาลีกา ตัดสินใจที่จะเลื่อนการแข่งขันเอลกลาสิโก นัดแรกของฤดูกาลออกไปจากกำหนดการเดิมในวันที่ 26 ตุลาคม ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
นี่ถือเป็น ‘ครั้งแรกในประวัติศาสตร์’ ที่มีการเลื่อนการแข่งขันเกมเอลกลาสิโก ซึ่งเป็นการบ่งบอกได้ดีถึงระดับความรุนแรงของสถานการณ์
ในช่วงของการประท้วงนั้นแม้แต่ทีมบาร์เซโลนาเองก็ได้รับผลกระทบมากพอสมควรครับ มีภาพของ อิวาน ราคิติช กองกลางห้องเครื่องชาวโครเอเชียที่ต้องเดินลากกระเป๋าจากสนามบินในบาร์เซโลนา ไปตามถนนสายมอเตอร์เวย์ เพราะถนนถูกปิดจากกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง
ขณะที่ เอร์เนสโต บัลเบร์เด โค้ชของทีมต้องพรางตัวซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ที่ขี่ตามหลังรถพยาบาลเพื่อหาทางไปสนามซ้อม แต่สุดท้ายก็ไปไม่ทันการซ้อม ก่อนจะต้องกลับไปสนามบินอีกครั้งเพื่อช่วย เฟรนกี เดอ ยอง กองกลางดาวรุ่งชาวดัตช์ที่ติดอยู่ในสนามบินไปไหนไม่ได้อยู่หลายชั่วโมง
อย่างไรก็ดีเวลาที่ผ่านมาสองเดือนนั้นดูเหมือนจะไม่ได้ทำให้บรรยากาศทางการเมืองในสเปนคลี่คลายมากนัก
ไฟแค้นยังรุมสุมทรวงชาวคาตาลัน พวกเขายังรอคอย ‘โอกาส’ ที่จะได้สำแดงพลังและเปล่งเสียงออกมาเสมอ โดยคราวนี้แค่เปลี่ยนสถานที่จากบนท้องถนนมาเป็นสนามฟุตบอล
กลุ่มที่ถูกจับตามองคือกลุ่ม Tsunami Democratic ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มที่เป็นผู้นำการประท้วงเมื่อเดือนตุลาคม พร้อมที่จะใช้เกมเอลกลาสิโก เพื่อเป็นเครื่องมือในการสื่อสารอันทรงพลังมากที่สุด เพราะเกมนี้มีการถ่ายทอดสดไปมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก
เดิม Tsunami Democratic เป็นกลุ่มที่สนับสนุนให้เกิดการเจรจาระหว่างรัฐบาลกลางสเปน กับกาตาลุญญา เพื่อหาข้อตกลงร่วมกันภายใต้สโลแกน ‘Spain, sit and talk’ หรือแปลเป็นไทยได้ในความง่ายๆ ว่า ‘มานั่งคุยกันเถอะสเปน’ และได้เรียกร้องให้บาร์เซโลนา และเรอัล มาดริด ให้สนับสนุนแนวทางนี้ด้วย แต่ก็ไม่เป็นผล
เมื่อมาถึงตรงนี้ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ครับ เช่นกันกับการที่ไม่รู้ว่าจะมีกลุ่มอื่น หรือบุคคลอื่นที่คิดจะทำอะไรในเกมเอลกลาสิโก นัดนี้หรือเปล่า
ความไม่แน่นอนนี้ทำให้แม้กระทั่ง ซีเนดีน ซีดาน นายใหญ่ของทีมราชันชุดขาวเองก็ไม่มั่นใจกับสถานการณ์นักว่าสุดท้ายแล้ว แมตช์การแข่งขันจะดำเนินต่อไปได้ไหม
เพราะก่อนหน้านี้สหพันธ์ฟุตบอลสเปน พยายามต่อรองขอสลับเกมการแข่งขันให้ไปแข่งในบ้านของมาดริดก่อน แต่ทั้งบาร์เซโลนา และเรอัล มาดริด ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ และยืนยันจะให้เกมนัดแรกแข่งกันที่คัมป์นูตามเดิม ก่อนที่สุดท้ายทุกฝ่ายตกลงที่จะเลื่อนมาแข่งกันในวันที่ 18 ธันวาคมนี้แทน
ทีนี้เมื่อตกลงกันแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อตามนั้นครับ สิ่งที่ทุกฝ่ายทำได้ดีที่สุดคือการเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ทุกรูปแบบที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกวินาที
นั่นทำให้เกมเอลกลาสิโก นัดที่ 243 เกมนี้เป็นครั้งแรกที่ทั้ง บาร์เซโลนา และ เรอัล มาดริด จะพักในโรงแรมเดียวกัน คือโรงแรม Hotel Sofia ซึ่งอยู่ห่างจากสนามคัมป์นู เพียงแค่ 600 เมตร โดยผู้เล่นทั้งสองทีมจะมารวมตัวกันก่อนที่เกมจะเริ่มต้นเป็นเวลา 8 ชั่วโมง
ปกติแล้วหากเป็นเกมที่คัมป์นู เหล่าสตาร์เงินล้านของบาร์เซโลนา จะเดินทางมาด้วยรถยนต์ส่วนตัวครับ แต่สำหรับเกมนี้พวกเขาถูกร้องขอให้มารวมตัวที่โรงแรมด้วยเหตุผลเรื่องของความปลอดภัย (ไม่รู้ว่าบาร์เซโลนาปลอดภัยหรือมาดริดปลอดภัย!)
เรียกว่าต้องสามัคคีกันด้วยความจำเป็น!
เดิมโรงแรมที่กำหนดไว้นั้นอยู่ไกลกว่านี้เป็นระยะทาง 2 กิโลเมตร แต่เพื่อความปลอดภัยจึงย้ายมาอยู่ที่ Hotel Sofia แทน โดยผู้เล่นทั้งสองทีมจะพักผ่อนกินอยู่หลับนอนกันคนละชั้นครับ แต่สำหรับผู้บริหารของสองสโมสรจะรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน
ก่อนที่ในเวลา 18.00 น. ที่สเปน ก็จะมีการเคลื่อนขบวนรถบัสเพื่อนำนักฟุตบอลทั้งสองทีมไปสู่สนาม โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยในระดับเข้มงวดที่สุด
เช่นกันกับในสนามที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุด เพราะไม่รู้ว่าจะมีการแสดงออกอย่างไรบ้างจากแฟนบอลบาร์เซโลนาชาวคาตาลัน
ทางการเองก็ถูกจับตามองว่าจะทำอย่างไรหลังเพิ่งเกิดเหตุไม่คาดฝันในเกมสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อแฟนบอล ราโย บาเยกาโน ร้องเพลงหยามเหยียดรามอน โซซุลยา กองหน้าชาวยูเครนของอัลบาเซเต ที่พวกเขากล่าวหาว่าเป็นนาซี
โฆเซ กุยเรา รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมและกีฬายืนยันว่าทางการได้เตรียมพร้อมทุกอย่างเป็นอย่างดีที่สุดแล้ว เพื่อให้เกมเอลกลาสิโก ได้ทำหน้าที่ดั้งเดิมของมัน
“มันคือเกมกีฬา และมันก็เป็นแค่เกมฟุตบอล” กุยเรา กล่าวถึงเกมนัดนี้เอาไว้เช่นนี้ครับ
เพียงแต่หากใครเข้าใจในประวัติศาสตร์ของเอลกลาสิโก และได้ศึกษาถึง ‘ราก’ ของการเผชิญหน้ากันระหว่างบาร์เซโลนา และเรอัล มาดริด แล้วย่อมเข้าใจว่าหัวใจของสงครามลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนี้ห่างไกลจากคำว่าเป็นเกมฟุตบอลธรรมดาๆ นัดหนึ่งมากมายนัก
เอล กลาสิโก คือการเมือง คือความแค้น คือสงคราม
และวันนี้มันแค่กำลังจะกลับไปทำหน้าที่ที่แท้จริงของมันอีกครั้งเท่านั้นครับ!
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
- มีข่าวว่า Tsunami Democratic ระดมพลได้กว่า 20,000 คนแล้ว และจะขัดขวางการเดินทางด้วยรถบัสของเรอัล มาดริด ไม่ให้ไปถึงคัมป์นูให้ได้
- ฆาเบียร์ เตบาส ประธานลาลีกา ให้การสนับสนุนพรรค Vox และเคยออกมาวิพากษ์วิจารณ์การออกมาเรียกร้องเอกราชของชาวคาตาลัน
- ถ้าบาร์เซโลนาชนะเกมนี้พวกเขาจะทำสถิติได้เหนือกว่าเรอัล มาดริด เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเกมเอลกลาสิโก
- ถ้าได้ลงสนาม เซร์คิโอ รามอส จะเป็นผู้เล่นที่ลงสนามในเกมเอลกลาสิโก มากที่สุด (43 นัด) มากกว่า มาโนโล ซานชีส, ฟรานซิสโก เจนโก และ ชาบี เอร์นานเดซ (42 นัด)